ทารก 2 เดือน เป็นวัยที่เริ่มแสดงลักษณะนิสัยให้คุณพ่อคุณแม่เห็นมากขึ้น คุณแม่จะเริ่มสังเกตได้ว่าลูกชอบหรือไม่ชอบอะไร จะนอนหลับ ขับถ่าย หรือรู้สึกหิวช่วงไหน โดยทั่วไป ทารกวัยนี้จะเริ่มตื่นในตอนกลางวันมากขึ้น เปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้สื่อสารกับทารกมากขึ้น อีกทั้งทารก 2 เดือนยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ราบรื่นขึ้น เริ่มแสดงกิริยาเพื่อสื่อสารกับคนรอบข้าง คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยเสริมพัฒนาการของทารก 2 เดือนได้ด้วยการใช้เวลาพูดคุย เปิดเพลงกล่อมเบา ๆ เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน เป็นต้น
[embed-health-tool-child-growth-chart]
ทารก 2 เดือน และพัฒนาการที่ควรรู้
พัฒนาการทั่วไปของทารก 2 เดือน อาจมีดังต่อไปนี้
พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม
- มีท่าทางสงบลงเมื่อถูกอุ้มและมีคนพูดคุยด้วย
- ยิ้มแย้มเมื่อมีคนพูดคุยด้วยหรือยิ้มให้
- แสดงอาการดีใจเมื่อมีคนเดินเข้าไปหา
- ชอบมองใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่
พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร
- ตื่นตัวเมื่อได้ยินเสียงและหันไปหาต้นเสียง
- ส่งเสียงอ้อแอ้ แทนที่จะร้องไห้เพียงอย่างเดียว
- แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางเพื่อพยายามบอกความต้องการของตัวเอง
พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
- ยกศีรษะเมื่ออยู่ในท่านอนคว่ำ
- ขยับแขนขาทั้งสองข้างไปมาได้อย่างราบรื่น
- คลายมือออกได้
- เอื้อมมือไปจับใบหน้าของคนที่เอาหน้ามาใกล้ ๆ
- แกว่งมือไปทางวัตถุ
พัฒนาการด้านสติปัญญา
- เริ่มมองตามคนและวัตถุ
- เริ่มงอแงหรือหงุดหงิดเมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย
- ให้ความสนใจกับใบหน้าที่เห็น
สัญญาณความผิดปกติใน ทารก 2 เดือน
ตามปกติแล้ว พัฒนาการของทารกแต่ละคนจะแตกต่างกันไป และอาจพัฒนาได้ช้าเร็วไม่เท่ากันแม้จะอยู่ในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากทารก 2 เดือน มีความผิดปกติต่อไปนี้ ควรพาทารกไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม
- ทารกอายุประมาณ 8 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ยิ้มแย้มเลย
- ร่างกายซีกใดซีกหนึ่งของทารกดูแข็งแรงกว่าอีกซีกหนึ่ง
- ทารกยังกำมือแน่นไม่ยอมคลาย
- ทารกไม่ตอบสนองต่อเสียงรอบตัว เช่น ไม่สะดุ้งเมื่อมีเสียงดัง ส่งเสียงเรียกแล้วไม่หันตามเสียง
- ทารกตัวแข็งหรือเซื่องซึมผิดปกติ
- ทารกไม่สบตาคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่แว้บเดียว
- ร้องไห้หรืองอแงอย่างหนัก แม้จะอุ้มปลอบแล้วก็ยังไม่สงบ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นกังวล
- ทารกมีพัฒนาการถดถอย
วิธีเสริมสร้างพัฒนาการให้กับ ทารก 2 เดือน
การเสริมสร้างพัฒนาการให้กับทารก 2 เดือน อาจทำได้ดังนี้
- การสัมผัสตัวทารกบ่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ จะช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัย สงบ และร้องไห้น้อยลง ทั้งยังเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับทารก จึงควรอุ้มทารกไว้แนบอก ให้ผิวหนังสัมผัสกันแบบเนื้อแนบเนื้อ (Skin-to-skin contact) เป็นประจำทุกวัน
- เรียกชื่อของคน สัตว์ หรือสิ่งของที่ทารกให้ความสนใจบ่อย ๆ อาจช่วยให้ทารกคุ้นเคยกับภาษาและจดจำคำศัพท์ได้เร็วขึ้น
- ทารกจะเริ่มมองใบหน้าคนอย่างสนอกสนใจ ให้ตอบรับด้วยการยิ้มแย้มกลับไป เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศอันดีให้แก่กัน และช่วยให้ทารกรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
- ใช้เวลาอ่านหนังสือ ร้องเพลง และพูดคุยกับทารก เพื่อช่วยให้ทารกคุ้นเคยกับเสียงและภาษาที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ และเริ่มพัฒนาทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร
- ชวนทารกเล่นเกมที่ช่วยฝึกทักษะ เช่น เกมจ๊ะเอ๋ ที่ช่วยให้ทารกเพลิดเพลิน ฝึกการรอคอย ช่วยให้ทารกได้หัวเราะและมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับคนที่บ้าน ทั้งยังช่วยให้ทารกเรียนรู้การคงอยู่ของวัตถุ (Object permanence) ซึ่งหมายถึง การเข้าใจว่าสิ่งของต่าง ๆ มีตัวตน ไม่ได้หายไปไหน แม้ว่าจะมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ หรือไม่ได้ยินเสียงจากสิ่ง ๆ นั้นก็ตาม
- ในระหว่างวัน ควรให้ทารกเคลื่อนไหวไปมาในท่าต่าง ๆ ไม่นอนหรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป เพื่อให้ทารกได้ใช้กล้ามเนื้อแขนและขาที่จำเป็นสำหรับการกลิ้ง การคลาน และพัฒนาไปสู่การเดินในภายหลัง
- ให้ทารกนอนคว่ำ เพื่อฝึกชันคอและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อลำคอและร่างกายส่วนบน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนากล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ทารกฝึกคลานและนั่งได้ในภายหลัง โดยอาจเริ่มจากให้นอนคว่ำประมาณ 1-2 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น 10-15 นาที วันละหลาย ๆ ครั้ง ทั้งนี้ ไม่ควรให้ทารกนอนหลับในท่านอนคว่ำ ทารกควรนอนหลับในท่านอนหงายเท่านั้นเพื่อให้สามารถหายใจได้อย่างสะดวก
- เล่นกับทารกด้วยการให้ทารกสัมผัสกับวัตถุต่าง ๆ ที่มีลักษณะ สี และรูปร่างแตกต่างกันไป โดยอาจเลือกของเล่นสีสันสดใสสะดุดตาและมีเสียง เพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น โมบายสีรุ้งมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง ของเล่นแขวนที่ปลิวตามลม ลูกบอลพลาสติก
- หลังอาบน้ำ คุณพ่อคุณแม่สามารถนวดตัวทารกเบา ๆ เพื่อให้ทารกผ่อนคลาย มีอารมณ์ดีขึ้น และนอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยในขณะนวด ควรพูดคุยและมองหน้าทารกไปด้วย เพื่อให้ทารกรู้สึกคุ้นเคย และช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่และทารก