คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และคุณแม่ที่ให้นมลูกส่วนใหญ่ มักจะได้รับคำแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมที่มีดีเอชเออย่างน้อย 200-300 มก. ทุกวัน นอกจากนี้ ในนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กทารกส่วนใหญ่ ก็มักจะมีสารดีเอชเอเป็นส่วนประกอบสำคัญเสมอ เนื่องจากดีเอชเอนั้นมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของสมองและการเรียนรู้ของเด็กทารก และนับได้ว่าเป็น 97% ของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สามารถพบได้ในสมองของเด็กทารก และเป็น 25% ของไขมันในสมองทั้งหมด
ทารกที่ได้รับสารดีเอชเอไม่เพียงพอ อาจจะมีพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ การแสดงออก และการจดจำสิ่งต่างๆ น้อยกว่าทารกที่ได้รับสารดีเอชเอมากเพียงพอต่อพัฒนาการของสมอง มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition แสดงให้เห็นว่าเด็กทารกที่เกิดจากแม่ที่รับประทานอาหารเสริมดีเอชเอ หรือได้รับปริมาณของสารดีเอชเอมากเพียงพอในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ มักจะมีความสามารถในการเรียนรู้และการแก้ไขปัญหา ได้ดีกว่าทารกที่เกิดจากแม่ที่ไม่ได้รับสารดีเอชเอมากเพียงพอ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ทารกที่ได้รับสารดีเอชเอในปริมาณมาก มักจะมีการพัฒนาการของระบบประสาทดีกว่าปกติแล้ว ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงและอาการของโรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder : ADHD) ในขณะที่ทารกที่ได้รับสารดีเอชเอต่ำ อาจจะมีโอกาสมากกว่าที่จะมีอาการของโรคสมาธิสั้นได้อีกด้วย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย