ข้อบ่งใช้
ยาควินินใช้สำหรับ
ยา ควินิน (Quinine) ใช้เพียงชนิดเดียว หรือใช้ร่วมกับยาอื่น ควินิน ใช้เพื่อรักษาโรคมาลาเรียที่เกิดจากยุงกัด ปรสิตมาลาเรียสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากรอยกัดของยุง แล้วอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดงหรือตับ
ยา ควินิน นี้ใช้เพื่อฆ่าปรสิตมาลาเรียที่อาศัยอยู่ภายในเซลล์เม็ดเลือดแดง ในบางกรณีคุณอาจต้องใช้ยาอื่น เช่น ไพรมาควิน (primaquine) เพื่อฆ่าปรสิตมาลาเรีย ที่อาศัยอยู่ในเนื่อเยื่อส่วนอื่น อาจต้องใช้ยาทั้งสองเพื่อรักษาอย่างหายขาดสมบูรณ์ และเพื่อป้องกันการกำเริบของการติดเชื้อ
ยา ควินิน นั้นอยู่ในกลุ่มของยาต้านมาลาเรีย (antimalarials) ไม่สามารถใช้เพื่อป้องกันโรคมาลาเรียได้
วิธีใช้ยาควินิน
ก่อนเริ่มใช้ยาควินิน และทุกครั้งที่รับยาเพิ่ม ควรอ่านคู่มือการใช้ยา และแผ่นพับข้อมูลสำหรับผู้ป่วย (ถ้าหากมี) ที่ได้จากเภสัชกร หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนดพร้อมกับอาหาร เพื่อลดอาการท้องไส้ปั่นป่วน โดยปกติคือ ทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 ถึง 7 วัน หรือตามที่แพทย์กำหนด
รับประทานยานี้ 2-3 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังจากรับประทานยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ยาเหล่านั้นจะผูกติดกับยาควินิน และทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างเต็มที่
ขนาดยาและระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ หรือยาอื่นที่คุณใช้เพื่อรักษาโรคมาลาเรีย และการตอบสนองต่อการรักษา
ขนาดยาสำหรับเด็กยังต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวอีกด้วย
ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่อง (รวมถึงยาสำหรับรักษาโรคมาลาเรียอื่นๆ) ตามที่แพทย์กำหนด อย่ารับประทานมากกว่าหรือน้อยกว่าที่กำหนด อย่าข้ามมื้อยา ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะครบกำหนดยา แม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การข้ามมื้อยาหรือหยุดใช้ยาเร็วเกินไป อาจทำให้การติดเชื้อนั้นรักษาได้ยากขึ้นและกำเริบอีกครั้ง
ยานี้จะทำงานได้ดีที่สุด หากมีปริมาณของยาภายในร่างกายอยู่ในระดับที่คงที่ ดังนั้น จึงควรใช้ยานี้โดยเว้นระยะให้เท่าๆ กัน เพื่อให้จำง่ายควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากเริ่มการรักษาผ่านไป 1-2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือหากอาการไข้ของคุณกำเริบหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว ควรติดต่อแพทย์ เพื่อหาว่าโรคมาลาเรียกำเริบหรือไม่
การเก็บรักษายาควินิน
ยาควินินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง
ยาควินินบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาควินินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาควินิน
ระหว่างที่กำลังพิจารณาเลือกใช้ยา แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงของการใช้ยาและประโยชน์ของยาเสียก่อน สำหรับยานี้ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเคยมีอาการที่ผิดปกติ หรืออาการแพ้ยานี้ นอกจากนี้ยังควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ ที่คุณเป็น เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเอง ควรอ่านฉลากยาหรือส่วนประกอบของยาอย่างละเอียด
เด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้ยานี้ และยังไม่มีงานวิจัยที่เหมาะสมในปัจจุบัน ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอายุ และประสิทธิภาพของยาควินินในเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
ผู้สูงอายุ
ยังไม่มีงานวิจัยที่เหมาะสม ที่ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเกี่ยวกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ที่จะจำกัดประสิทธิภาพของการใช้ยาควินินในผู้สูงอายุ
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่เพียงพอ ที่จะบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของการใช้ยานี้ ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยา
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาควินิน
รับการรักษาในทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
หยุดใช้ยาและแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น
- เป็นไข้ หนาวสั่น สับสน อ่อนแรง เหงื่อออก
- มีอาการอาเจียน ปวดท้อง ท้วงร่วงอย่างรุนแรง
- มีปัญหากับการมองเห็นหรือการได้ยิน
- ปวดหน้าอก หายใจติดขัด วิงเวียนอย่างรุนแรง หมดสติ หัวใจเต้นเร็วหรือรัว
- ร้อนวูบวาบอย่างรุนแรง คือ มีความรู้สึกอุ่น แดง หรือเป็นเหน็บ
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ หรือไม่ปัสสาวะเลย
- หายใจอ่อนแรงหรือตื้น รู้สึกเหมือนจะหมดสติ
- มีรอยช้ำง่าย มีเลือดออกที่ผิดปกติ (จมูก ปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก) มีจุดสีม่วงหรือแดงใต้ผิวหนัง
- มีเลือดปนในปัสสาวะหรืออุจจาระ
- เป็นไข้ เจ็บคอ และปวดหัวพร้อมกับมีแผลพุพอง ผิวลอก และผดผื่นผิวหนังสีแดงอย่างรุนแรง
- เบื่ออาหาร
- ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีดินเหนียว
- ดีซ่าน (ผิวหนังหรือดวงตาเป็นสีเหลือง)
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะ มองเห็นไม่ชัด การมองเห็นสีเปลี่ยนแปลง
- วิงเวียนในระดับเบา รู้สึกโลกหมุน มีเสียงอื้อในหู
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้กับยาดังต่อไปนี้ แพทย์อาจจะตัดสินใจไม่ใช้ยาในกลุ่มนี้เพื่อรักษาคุณ หรือเปลี่ยนยาบางตัวที่คุณกำลังใช้อยู่
- แอมิแฟมไพรดีน (Amifampridine) แอสเทมมีโซล (Astemizole) ออโรไทรโอกลูโคส (Aurothioglucose)
- ซิซาไพรด์ (Cisapride)
- โดรนดาโรน (Dronedarone)
- ฟลูโคนาโซล (Fluconazole)
- คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ไทโอริดาซีน (Mesoridazine)
- เนวฟินนาเวียร์ (Nelfinavir)
- พิโมไซด์ (Pimozide) ไพเพอราควิน (Piperaquine) โพซาโคนาโซล (Posaconazole)
- สปาร์ฟลอกซาซิน (Sparfloxacin)
- ไทโอริดาซีน (Thioridazine)
โดยปกติแล้ว ไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้กับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวหนึ่งหรือทั้งคู่
- อัลฟูโซซิน (Alfuzosin) อะลูมิเนียมคาร์บอเนตเบสิค (Aluminum Carbonate, Basic)อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminum Hydroxide) อะลูมิเนียมฟอสเฟต (Aluminum Phosphate) อะมิโอดาโรน (Amiodarone) อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) อะม็อกซาปีน (Amoxapine) อะนากรีไลด์ (Anagrelide)
- อะโปมอร์ฟีน (Apomorphine) อะริพิพราโซล (Aripiprazole) อาร์เซนิกไตรออกไซด์ (Arsenic Trioxide) อาร์ทีมิเทอร์ (Artemether) อะเซนาปีน (Asenapine) อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin)
- บูเซอรีลิน (Buserelin)
- คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) เซริทินิบ (Ceritinib) คลอโรควิน (Chloroquine) คลอร์โปรมาซีน (Chlorpromazine) ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ไซตาโลแพรม (Citalopram)
- คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin) โคลมิพรามีน (Clomipramine) โคลซาปีน (Clozapine) โคบิซิสแตท (Cobicistat) ไครโซทินิบ (Crizotinib)
- ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib) ดาซาทินิบ (Dasatinib) ดีลามานิด (Delamanid) เดซิพรามีน (Desipramine) เดสโลเรลิน (Deslorelin) ไดไฮดรอกซีอะลูมิเนียม อะมิโนอะซิเตต (Dihydroxyaluminum Aminoacetate) ไดไฮดรอกซีอะลูมิเนียม โดเดียมคาร์บอเนต (Dihydroxyaluminum Sodium Carbonate) ไดโซไพราไมด์ (Disopyramide) โดลาซีตรอน (Dolasetron) ดอมเพอริโดน (Domperidone) ดรอเพอริดอล (Droperidol)
- อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) เอสซิตาโลแพรม (Escitalopram) เอสลิคาร์เฟเซพีน แอซิเตต (Eslicarbazepine Acetate)
- ฟิงโกลิมอด (Fingolimod) ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine)
- กาติฟลอกซาซิน (Gatifloxacin) เกมิฟรอกเซซิน (Gemifloxacin) โกนาโดเรลิน (Gonadorelin) โกเซเรลิน (Goserelin) แกรนิซีตรอน (Granisetron)
- ฮาโลแฟนทรีน (Halofantrine) ฮาโลเพอริดอล (Haloperidol) ฮิสเทรลิน (Histrelin)
- ไอบูทิไลด์ (Ibutilide) ไอเดลาลิซิบ (Idelalisib) ไอโลเพริโดน (Iloperidone) อิมิพรามีน (Imipramine) ไอวาบราดีน (Ivabradine)
- ลาโคซาไมด์ (Lacosamide) ลาพาทินิบ (Lapatinib) ลิวโพรไลด์ (Leuprolide) ลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) ลูมีแฟนทรีน (Lumefantrine)
- แมกกอลเดรต (Magaldrate) แมกนีเซียมคาร์บอเนต (Magnesium Carbonate) แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium Hydroxide) แมกนีเซียมไตรซิลิเกต (Magnesium Trisilicate) เมโฟลควิน (Mefloquine) เมทาโดน (Methadone) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) มิฟีพริสโตน (Mifepristone) ไมโทเทน (Mitotane) มอกซิฟลอกซาซิน (Moxifloxacin)
- นาฟาเรลิน (Nafarelin) เนวิราปีน (Nevirapine) นิโลตินิบ (Nilotinib) นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) นอร์ทริปไทลีน (Nortriptyline)
- ออกทรีโอไทด์ (Octreotide) ออฟลอกซาซิน (Ofloxacin) ออนดาเซทรอน (Ondansetron)
- พาลิเพอริโดน (Paliperidone) แพนคูโรเนียม (Pancuronium) พาโซพานิบ (Pazopanib) เพอร์ฟลูเทรน ลิปิด ไมโครสเฟียร์ (Perflutren Lipid Microsphere) ไพรมิโดน (Primidone) โปรเคนเอไมด์ (Procainamide) โปรคลอเปอราซีน (Prochlorperazine) โปรเมทาซีน (Promethazine) โพรพาฟีโนน (Propafenone) โพรทริปทีลีน (Protriptyline)
- ควิไทอะปีน (Quetiapine) ควินิดีน (Quinidine)
- ราโนลาซีน (Ranolazine) ไรแฟมพิน (Rifampin) ริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
- ซาลเมเทอรอล (Salmeterol) ซีโวฟลูเรน (Sevoflurane) ซิลทูซิแมบ (Siltuximab) โซเดียมฟอสเฟต (Sodium Phosphate) โซเดียมฟอสเฟตไดเบสิค (Sodium Phosphate, Dibasic) โซเดียมฟอสเฟตโมโนเบสิค (Sodium Phosphate, Monobasic) โซลิเฟนาซิน (Solifenacin) โซราเฟนิบ (Sorafenib) โซทาลอล (Sotalol) ซักซินิลโคลีน (Succinylcholine) ซูนิทินิบ (Sunitinib)
- เทลาแวนซิน (Telavancin) เทลิโทรมัยซิน (Telithromycin) เทอร์เฟนาดีน (Terfenadine) เตตราเบนาซีน (Tetrabenazine) ทิซานิดีน (Tizanidine) โทเรมิฟีน (Toremifene) ทราโซโดน (Trazodone) ฟีโนไทอาซีน (Trifluoperazine) ไทรมิพรามีน (Trimipramine) ทริปโทรีลิน (Triptorelin) โทรลีแอนโดมัยซิน (Troleandomycin) ทูโบคิวเรรีน (Tubocurarine)
- แวนเดทานิบ (Vandetanib) วาร์เดนาฟิล (Vardenafil) เวมูราเฟนิบ (Vemurafenib) ไวแลนเทอรอล (Vilanterol) วินฟลูนีน (Vinflunine) โวริโคนาโซล (Voriconazole)
- ไซพราซิโดน (Ziprasidone)
การใช้ยาดังต่อไปนี้ร่วมกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ แต่การใช้ยาทั้งสองร่วมกัน อาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยา หรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้งคู่
- อะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin)
- ไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
- ไดจอกซิน (Digoxin)
- ฟอสเฟนนีทอยน์ (Fosphenytoin)
- ฟีโนบาร์บิทัล (Phenobarbital)
- เฟนนีทอยน์ (Phenytoin)
- ไรฟาเพนติน (Rifapentine)
- เตตราไซคลีน (Tetracycline)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาควินินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาควินินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ
- ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว (Atrial fibrillation) หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Atrial Flutter) ซึ่งเป็นอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
- ภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ (Bradycardia)
- โรคหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจขาดเลือด (myocardial ischemia)
- ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia) โดยไม่ได้รับการรักษา
- กลุ่มอาการซิคไซนัส (Sick sinus syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติของการเต้นของหัวใจชนิดหนึ่ง ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้ผลข้างเคียงรุนแรงขึ้น
- ไข้แบลควอเตอร์ (Blackwater fever) ซึ่งเป็นความผิดปกติของเลือด
- กลุ่มอาการฮีโมไลติกยูรีมิก (Hemolytic uremic syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติของไตที่รุนแรง
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำแบบไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic thrombocytopenia purpura) ซึ่งเป็นความผิดปกติของเลือด
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำและมีลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombotic thrombocytopenic purpura) (a serious blood disorder) ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีผลข้างเคียงรุนแรงต่อยาควินิน
- ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency)
- ปัญหาเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น ระยะคิวทียาว (prolonged QT interval)
- โรคตับขั้นรุนแรง
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (Myasthenia gravis)
- โรคประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis) ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีอาการนี้
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้อาการแย่ลง
- โรคไตขั้นรุนแรง
- โรคตับระดับเบาหรือปานกลาง ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ผลของยาอาจเพิ่มขึ้น เพราะกำจัดยาออกจากร่างกายได้ช้าลง
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาควินินสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมาลาเรีย (Malaria)
- การรักษาโรคมาลาเรียจากเชื้อพลาสโมเดียม ฟัลซิพารัม (Plasmodium falciparum) ที่ไม่ซับซ้อน : 648 มก. รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
- แนวทางจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (CDC) : 542 มก. เบส (650 มก. เกลือซัลเฟต) รับประทาน 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 3 ถึง 7 วัน
ขนาดยาควินินสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคมาลาเรีย (Malaria)
การรักษาโรคมาลาเรียที่ไม่ซับซ้อนเนื่องจากเชื้อพลาสโมเดียม ฟัลซิพารัม :
อายุ 16 ปีขึ้นไป
- 648 มก. รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
แนวทางจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ : 8.3 มก. เบส/กก. (10 มก. เกลือซัลเฟต/กก.) รับประทาน 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 3 ถึง 7 วัน ขนาดยาสำหรับเด็กไม่ควรเกินขนาดยาของผู้ใหญ่
อายุน้อยกว่า 8 ปี
- การรักษาโรคมาลาเรียจากการติดเชื้อพลาสโมเดียม ฟัลซิพารัม (หรือเชื้ออื่นที่ไม่ได้ระบุ) ที่ดื้อต่อยาคลอโรควิน (chloroquine-resistant) หรือเชื้อที่ดื้อต่อยาอื่นไม่ทราบประเภทควรใช้ยาร่วมกับยาคลินดาไมซิน (clindamycin)
- การรักษาโรคมาลาเรียจากการติดเชื้อพลาสโมเดียม ไวแว็กซ์ที่ดื้อต่อยาคลอโรควินควรใช้ยาร่วมกับยาไพรมาควินฟอสเฟต (primaquine phosphate)
8 ปีขึ้นไป
- การรักษาโรคมาลาเรียจากการติดเชื้อพลาสโมเดียม ฟัลซิพารัมที่ดื้อต่อยาคลอโรควินหรือเชื้อที่ดื้อต่อยาอื่นไม่ทราบประเภท ควรใช้ร่วมกับหนึ่งในยาดังต่อไปนี้ : ยาด็อกซีไซคลิน (doxycycline) ยาเตตราไซคลีน (tetracycline) หรือคลินดาไมซิน (clindamycin)
- การรักษาโรคมาลาเรียจากการติดเชื้อพลาสโมเดียม ไวแว็กซ์ที่ดื้อต่อยาคลอโรควินควรใช้ยาร่วมกับยาด็อกซีไซคลินหรือหรือยาเตตราไซคลีน และร่วมกับยาไพรมาควินฟอสเฟต
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาแคปซูล : 324 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
อาการของการใช้ยาเกินขนาดมีดังนี้
- มองเห็นไม่ชัดหรือการมองเห็นสีเปลี่ยนแปลง
- มีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลง
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปวดท้อง
- ท้องร่วง
- มีเสียงอื้อในหูหรือการได้ยินลำบาก
- มีอาการชัก
- หายใจช้าหรือหายใจติดขัด
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]