ยา acyclovir หรือยาอะไซโคลเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส ยานี้จะชะลอการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ (herpes virus) ภายในร่างกาย ยานี้ไม่สามารถรักษาเชื้อเฮอร์พีส์ให้หายขาดได้ แต่สามารถลดอาการของการติดเชื้อได้
[embed-health-tool-bmi]
ข้อบ่งใช้
acyclovir ใช้สำหรับ
acyclovir หรือยาอะไซโคลเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส ยานี้จะชะลอการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ (herpes virus) ภายในร่างกาย ยานี้ไม่สามารถรักษาเชื้อเฮอร์พีส์ให้หายขาดได้ แต่สามารถลดอาการของการติดเชื้อได้
ยาอะไซโคลเวียร์ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ เช่น โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริมที่ริมฝีปาก โรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใส
วิธีการใช้ acyclovir
ใช้ยา acyclovir หรือยาอะไซโคลเวียร์ตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ควรทำตามวิธีการใช้ยาทั้งหมดบนฉลากยา อย่าใช้ยาในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่แนะนำ
ควรเริ่มต้นการรักษาด้วยยาอะไซโคลเวียร์ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากเริ่มมีอาการ (เช่น แสบร้อน แผลพุพอง)
ควรเขย่าขวดยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน (ยาน้ำ) ให้ดีก่อนตวงยา ควรตวงยาด้วยกระบอกที่แถมมา หรือช้อนหรือถ้วยสำหรับตวงยา หากไม่มีอุปกรณ์สำหรับตวงยา โปรดขอจากเภสัชกร
วิธีการใช้ยาอม อะไซโคลเวียร์
- เก็บยาไว้ในแผงจนกว่าจะพร้อมใช้งาน ใช้นิ้วมือที่แห้งแกะยาออกจากแผง
- อย่าเคี้ยวหรือกลืนยาอม วางยาให้ด้านแบนนั้นติดกับเหงือกด้านบน ด้านหลังริมฝีปากและเหนือฟันเขี้ยว วางยาไว้ด้านเดียวกับที่มีแผลเริมที่ริมฝีปาก
- ปิดปาก แล้วกดด้านนอกริมฝีปากเหนือเม็ดยาเบาๆ ค้างไว้ 30 วินาที หลีกเลี่ยงการจับหรือกดยาเม็ดอีกเมื่อยาอยู่กับที่
- ปล่อยให้เม็ดยาละลายภายในปาก สามารถรับประทานอาหาร และดื่มน้ำได้ตามปกติ
- ในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการใช้ยา หากยาเม็ดร่วงออกมาหรือไม่ติดอยู่กับที่ อาจจะเปลี่ยนยาเม็ดใหม่ได้ หาก เผลอกลืนยาเข้าไป ควรดื่มน้ำให้มากๆ แล้วอมยาเม็ดใหม่เข้าไปแทน
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หาก มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านน้ำหนัก ขนาดของยาอะไซโคลเวียร์นั้นจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว (โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น) และความเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะส่งผลต่อขนาดยาได้
ควรดื่มน้ำให้มากๆ ขณะที่กำลังใช้ยาอะไซโคลเวียร์ เพื่อให้ไตสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง
ใช้ยานี้จนครบระยะเวลาตามกำหนด อาการอาจจะดีขึ้นก่อนที่การติดเชื้อจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ยาอะไซโคลเวียร์นั้นไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัส อย่างโรคไข้หวัดใหญ่หรือโรคหวัดได้
ควรรักษาความสะอาดแผลที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ และทำให้แห้งที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การสวมเสื้อผ้าหลวมๆ อาจจะช่วยป้องกันอาการระคายเคืองที่แผลได้
การเก็บรักษายา อะไซโคลเวียร์
ยาอะไซโคลเวียร์ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาอะไซโคลเวียร์บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาอะไซโคลเวียร์ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา acyclovir
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก
- กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
- หากแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของยาอะไซโคลเวียร์ หรือยาอื่นๆ
- หากมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
ไม่ควรใช้ยานี้ หากแพ้ยาอะไซโคลเวียร์ หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ (valacyclovir) อย่างวาลเทร็กซ์ (Valtrex) ไม่ควรใช้ยาอมอะไซโคลเวียร์ หากแพ้ต่อโปรตีนนม
เพื่อให้แน่ใจว่า ยาอะไซโคลเวียร์นั้นปลอดภัยโปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากเป็นโรคดังนี้
- โรคไต
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เชื้อเฮอร์พีส์นั้นสามารถติดต่อสู่ทารกได้ขณะคลอดบุตร หากมีแผลเริมที่อวัยวะเพศขณะที่คลอดทารก หากเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ ควรจะป้องกันแผลเริมขณะตั้งครรภ์ ควรใช้ยาตามที่กำหนดเพื่อควบคุมการติดเชื้อให้ดีที่สุด
ยาอะไซโคลเวียร์สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ และเป็นอันตรายต่อทารก อย่าใช้ยานี้โดยไม่ปรึกษาแพทย์หากกำลังให้นมบุตร
อย่าใช้ยาอมอะไซโคลเวียร์กับเด็กเล็ก เพราะอาจทำให้สำลักได้
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาอะไซโคลเวียร์จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาอะไซโคลเวียร์
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
โปรดติดต่อแพทย์ในทันทีหากมีอาการดังนี้
- มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย มีจุดสีม่วงหรือสีแดงใต้ผิวหนัง
- สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต – ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย มีอาการปวดขณะปัสสาวะหรือปัสสาวะติดขัด อาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า รู้สึกเหนื่อยช้าหรือหายใจลำบาก
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้
- คลื่นไส้อาเจียน
- ท้องร่วง
- ปวดหัว
- มีอาการปวดภายในปาก ขณะที่กำลังใช้ยาอมอะไซโคลเวียร์
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ หรืออาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้ามีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาอะไซโคลเวียร์อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่กำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรว่ากำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาอะไซโคลเวียร์อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์โดยทำให้การทำงานของยามีความเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับโอกาสในการเกิดปฏิกิริยาใดๆ ที่อาจเกิดกับอาหารหรือแอลกอฮอล์ก่อนใช้ยานี้
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาอะไซโคลเวียร์อาจส่งผลให้อาการโรคแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาอะไซโคลเวียร์สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex) – เยื่อเมือก (Mucocutaneous) / ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน (Immunocompetent Host)
การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศช่วงระยะแรก
- 200 มก. รับประทานทุกๆ 4 ชั่วโมง วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 10 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
- 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 10 วัน (คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแก่งสหรัฐฯ)
โรคระดับรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรับการรักษาภายในโรงพยาบาล
- 5 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
- 5 ถึง 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 ถึง 7 วัน หรือจนกว่าจะสังเกตเห็นอาการดีขึ้น แล้วตามด้วยการใช้ยาต้านไวรัสแบบรับประทานเพื่อรักษาให้เสร็จสิ้น ระยะเวลาการรักษาทั้งหมดเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน (คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ)
การรักษาเป็นระยะๆ การรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องเริ่มต้นการรักษาภายใน 1 วันเมื่อเริ่มมีแผล หรือขณะที่มีอาการบอกเหตุก่อนเกิดระยะโรคหรืออาการกำเริบ
- 200 มก. รับประทานทุกๆ 4 ชั่วโมง วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
- 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน หรือ 800 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน หรือ 800 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน (คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – เยื่อเมือก/ ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
ร่วมกับการติดเชื้อเอชไอวี
การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศช่วงระยะแรก
- 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 10 วัน (แนวทางที่แนะนำ)
- ระยะเวลาการรักษา 5 ถึง 10 วัน
โรคระดับรุนแรง
- 5 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง หลังจากที่แผลเริ่มหายไปอาจจะเปลี่ยนมาใช้ยาแบบรับประทาน รักษาอย่างต่อเนื่องจนแผลหายไปอย่างสมบูรณ์ (แนวทางที่แนะนำ)
การรักษาเป็นระยะๆ การรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเริ่มต้นการรักษาภายใน 1 วันเมื่อเริ่มมีแผล หรือขณะที่มีอาการบอกเหตุ ก่อนเกิดระยะโรคหรืออาการกำเริบ
- 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 14 วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะสมองอักเสบจากการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Encephalitis)
- 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการรักษา 10 วัน (ผู้ผลิต) 21 วัน (ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซอสเตอร์ (Herpes Zoster)
- 800 มก. รับประทานทุกๆ 4 ชั่วโมง วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella-Zoster)
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 800 มก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- คอร์สที่ไม่มีอาการข้างเคียง 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน (ทางเลือกในการรักษา ยาวาลาไซโคลเวียร์ [valacyclovir] หรือยาแฟมไซโคลเวียร์ [famciclovir] แบบรับประทาน เป็นการรักษาที่เหมาะสมกว่า)
- คอร์สที่รุนแรงหรือมีอาการแทรกซ้อน 10 ถึง 15 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน อาจเปลี่ยนมาใช้ยาแบบรับประทานหลังระยะไข้สร่าง (defervescence) หากไม่มีหลักฐานความเกี่ยวข้องต่ออวัยวะภายใน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ที่ปาก (Herpes Simplex Labialis)
ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- วางยาขนาด 50 มก. (ยาอม 1 เม็ด) สำหรับหนึ่งครั้งไว้บนเหงือกส่วนบน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – การระงับอาการ (Suppression)
- ขนาดยาต่อวันสำหรับระงับการกำเริบของโรค 400 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- อีกทางเลือกหนึ่งจากขนาดยาที่เคยมีการใช้คือ 200 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง ถึง 200 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง
- มีการติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย 400 ถึง 800 มก. รับประทานวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซอสเตอร์
ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อเอชไอวี (แนวทางการใช้ยา)
- การป้องกันหลังจากเปิดรับเชื้อแล้ว 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน เริ่มต้นการรักษา 7 ถึง 10 วันหลังจากเปิดรับเชื้อ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์
ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อเอชไอวี (แนวทางการใช้ยา)
- การป้องกันหลังจากเปิดรับเชื้อแล้ว 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน เริ่มต้นการรักษา 7 ถึง 10 วันหลังจากเปิดรับเชื้อ
ขนาดยาอะไซโคลเวียร์สำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – โรคแต่กำเนิด
โรคเริมในเด็กทารกแรกเกิด
- แรกเกิดจนถึง 3 เดือน 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
- แรกเกิดจนถึง 3 เดือน 20 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 (คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ)
- ระยะเวลาในการรักษา โรคที่จำกัดอยู่แค่ที่ผิวหนังและเยื่อเมือก 14 วัน โรคที่แพร่กระจายหรือโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง 21 วัน
- ตามด้วยการรักษากดอาการโดยการรับประทานยา 300 มก./ตารางเมตร รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – เยื่อเมือก/ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
การรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศช่วงระยะแรก
- อายุน้อยกว่า 12 ปี 40 ถึง 80 มก./กก./วัน แบ่งรับประทาน 3 ถึง 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 10 วัน
- ขนาดยาสูงสุด 1000 มก./วัน
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 200 มก. รับประทานทุก ๆ 4 ชั่วโมง วันละ 5 ครั้ง หรือ 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง
- ระยะเวลาการรักษา 7 ถึง 10 วัน
โรคระดับรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรับการรักษาภายในโรงพยาบาล
- อายุน้อยกว่า 12 ปี 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 5 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
การติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศกำเริบ
- อายุน้อยกว่า 12 ปี 20 ถึง 25 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง ขนาดยาสูงสุด 400 มก.
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 200 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง หรือ 800 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน หรือ 800 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะสมองอักเสบจากการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์
- อายุ 3 เดือน ถึง 12 ปี 10 ถึง 20 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการรักษา 10 วัน (ผู้ผลิต) 21 วัน (ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – เยื่อเมือก/ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- อายุน้อยกว่า 12 ปี 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 5 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน (ขนาดยาจากผู้ผลิต)
ร่วมกับการติดเชื้อเอชไอวี (แนวทางที่แนะนำ)
เหงือกและปากอักเสบ (Gingivostomatitis) แบบมีอาการระดับเบา
- 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
- ขนาดยาสูงสุด 400 มก.
เหงือกและปากอักเสบระดับปานกลางถึงรุนแรง
- 5 ถึง 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละ 3 ครั้ง
- อาจเปลี่ยนมาใช้ยาแบบรับประทานหลังหลังจากแผลเริ่มลดลง รักษาอย่างต่อเนื่องจนแผลหายอย่างสมบูรณ์
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซอสเตอร์
ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
การให้ยาโดยการฉีดยา
- อายุน้อยกว่า 1 ปี 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
- อายุ 1 ปีขึ้นไป 500 มก./ตารางเมตร ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
ยาแบบรับประทาน
- อายุ 12 ปีขึ้นไป 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน
ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 8 ชั่วโมง หรือเป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
เด็กที่เปิดรับเชื้อเอชไอวีและเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี
เชื้อซอสเตอร์ที่ไม่ซับซ้อน
- 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน ขนาดยาสูงสุด 800 มก.
การกดภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรง (Severe immunosuppression) (หมวดหมู่ภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งหสรัฐฯ หมวดหมู่ที่ 3) มีความเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทใบหน้า (trigeminal) หรือเส้นประสาทกระเบนเหน็บ (sacral) เกิดแผลบนผิวหนังหลายแห่งบริเวณกว้าง (extensive multidermatomal) หรือโรคงูสวัดแบบแพร่กระจาย (disseminated zoster)
- 10 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง จนกระทั่งแผลที่ผิวหนังและโรคเกี่ยวกับอวัยวะภายในหายดี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยาแบบรับประทานเพื่อเสร็จสิ้นชุดการรักษา 10 ถึง 14 วัน
วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี
- แผลบนผิวหนังเฉพาะที่ 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน (ทางเลือกในการรักษา ยาวาลาไซโคลเวียร์หรือยาแฟมไซโคลเวียร์แบบรับประทาน เป็นการรักษาที่เหมาะสมกว่า)
- แผลบนผิวหนังที่รุนแรงหรือเกี่ยวข้องกับอวัยวะภายใน 10 ถึง 15 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ทุกๆ 8 ชั่วโมงจนอาการดีขึ้น (เช่นไม่มีถุงพองเล็กๆ ก่อตัวขึ้นหรือมีสัญญาณและอาการของโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะภายในดีขึ้น) แล้วจึงเปลี่ยนมารักษาด้วยยาแบบรับประทาน
- ระยะเวลาการรักษา ชุดการรักษา 7 ถึง 14 วัน (รับประทานยาและฉีดยา)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์
ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- อายุ 2 ปีขึ้นไป (40 กก. หรือน้อยกว่า) 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
- อายุ 2 ปีขึ้นไป (น้ำหนักมากกว่า 40 กก.) 800 มก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
- ขนาดยาสูงสุด ต่อหนึ่งครั้งคือ 800 มก. ต่อวันคือ 3200 มก./วัน
ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
- อายุน้อยกว่า 1 ปี 10 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
- อายุ 1 ปีขึ้นไป 500 มก./ตารางเมตร ฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
เด็กที่เปิดรับเชื้อเอชไอวีและติดเชื้อเอชไอวี
- โรคระดับเบาโดยไม่มีการกดภูมิคุ้มกันหรือกดภูมิคุ้มกันระดับปานกลาง (หมวดหมู่ภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ หมวดหมู่ที่ 1 และ 2) 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน และจนกว่าจะไม่มีแผลใหม่เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
- ขนาดยาสูงสุด 800 มก.
การกดภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรง (หมวดหมู่ภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ หมวดหมู่ที่ 3)
- 10 มก./กก. หรือ 500 มก./ตารางเมตร ทุก ๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน และจนกว่าจะไม่มีแผลใหม่เกิดขึ้นเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
วัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี
- หลักสูตรที่ไม่ซับซ้อน 800 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 7 วัน (ทางเลือกในการรักษา ยาวาลาไซโคลเวียร์หรือยาแฟมไซโคลเวียร์แบบรับประทาน เป็นการรักษาที่เหมาะสมกว่า)
- หลักสูตรที่ที่รุนแรงหรือซับซ้อน 10 ถึง 15 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน อาจเปลี่ยนมาใช้ยาแบบรับประทานหลังระยะไข้สร่างหากไม่มีหลักฐานความเกี่ยวข้องต่ออวัยวะภายใน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ – การระงับอาการ
ช่วงแรกเกิด (อายุน้อยกว่า 1 ปี)
- 300 มก./ตารางเมตร รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน
การป้องกันแบบทุติยภูมิสำหรับเด็กที่เปิดรับเชื้อเอชไอวีและติดเชื้อเอชไอวี
- 20 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ขนาดยาสูงสุด 800 มก.
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ที่ปาก
ร่วมกับการติดเชื้อเอชไอวี
- 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
- ขนาดยาสูงสุด 400 มก.
วัยรุ่น 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 ถึง 10 วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซอสเตอร์
เด็กหรือวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี (คำแนะนำการใช้ยา)
การป้องกันหลังจากเปิดรับเชื้อไปแล้วสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี
- 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง (ขนาดยาสูงสุด 800 มก.) เป็นเวลา 7 วัน เริ่มต้นภายใน 7 ถึง 10 วัน หลังจากเปิดรับเชื้อ
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์
เด็กหรือวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี (คำแนะนำการใช้ยา)
การป้องกันหลังจากเปิดรับเชื้อไปแล้วสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นที่ติดเชื้อเอชไอวี
- 20 มก./กก. รับประทานวันละ 4 ครั้ง (ขนาดยาสูงสุด 800 มก.) เป็นเวลา 7 วัน เริ่มต้นภายใน 7 ถึง 10 วัน หลังจากเปิดรับเชื้อ
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาสารละลายสำหรับฉีด
- ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
- ยาสำหรับอม
- ยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน
- ยาครีมหรือยาขี้ผึ้งทาผิว
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา