ข้อบ่งใช้
ยา เวอราปามิล ใช้สำหรับ
ยา เวอราปามิล (Verapamil) ใช้ร่วมกับยาอื่นหรือใช้เป็นยาชนิดเดียว เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง (hypertension) การลดระดับความดันโลหิตจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ยาเวอราปามิลนั้นอยู่ในกลุ่มของยาแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Calcium Channel Blocker) หรือยาปิดกั้นแคลเซียมซึ่งทำงานโดยคลายหลอดเลือดและทำให้เลือดไหลเวียนได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยาเวอราปามิลยังใช้เพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก ใช้เพื่อช่วยให้ออกกำลังกายได้ดีมากขึ้น และลดความถี่ในการเกิดอาการเจ็บหน้าอก ยานี้ยังใช้เพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจสำหรับผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ เช่น ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial fibrillation) ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้รู้สึกสบาย และออกกำลังกายได้ดีขึ้น
การใช้งานในด้านอื่น
ยานี้ยังอาจใช้เพื่อรักษาโรคหัวใจประเภทอื่น เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy)
วิธีการใช้ยา เวอราปามิล
สามารถรับประทานยานี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอาหาร วันละ 3 หรือ 4 ครั้ง หรือตามที่แพทย์กำหนด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
สำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะได้รับผลจากยาเต็มที่ ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องแม้จะรู้สึกเป็นปกติดีแล้ว ผู้ที่มีภาวะควาดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บป่วยใดๆ
เพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก ควรใช้ยานี้เป็นประจำตามที่กำหนด ไม่ควรใช้ยานี้เพื่อรักษาอาการเจ็บหน้าอกเมื่อมีอาการ ควรใช้ยาอื่นเพื่อบรรเทาอาการกำเริบกะทันหันตามที่แพทย์กำหนด เช่น ยาไนโตรกลีเซอริน [nitroglycerin] ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อย่าหยุดใช้ยากะทันหันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาการของคุณอาจจะแย่ลงหากหยุดใช้ยากะทันหัน ควรค่อยๆ ลดขนาดยา
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง (เช่น ความดันโลหิตยังคงสูงอยู่ หรือเกิดอาการเจ็บหน้าอกบ่อยขึ้น)
การเก็บรักษายา เวอราปามิล
ยา เวอราปามิล ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเวอราปามิลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเวอราปามิลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาเวอราปามิล
ระหว่างที่กำลังพิจารณาเลือกใช้ยา แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงของการใช้ยาต่อประโยชน์ของยาเสียก่อน สำหรับยานี้ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
โรคภูมิแพ้
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเคยมีอาการที่ผิดปกติหรืออาการแพ้ต่อยานี้ นอกจากนี้ยังควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ ที่คุณเป็น เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเองควรอ่านฉลากยาหรือส่วนประกอบของยาอย่างละเอียด
เด็ก
ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอายุต่อประสิทธิภาพของยาเวอราปามิลในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในกลุ่มอายุนี้
ผู้สูงอายุ
ยังไม่มีงานวิจัยในปัจจุบันที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะจำกัดประโยชน์ของยาเวอราปามิลในผู้สูงอายุ แต่ผู้ป่วยสูงอายุนั้น มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ตับ หรือไตที่เกี่ยวข้องกับอายุ ซึ่งอาจต้องการความระมัดระวัง และการปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาเวอราปามิล
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยในผู้หญิงที่เพียงพอ ที่จะบ่งชี้ความเสี่ยงของการใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษากับแพทย์ เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาเวอราปามิล
รับการรักษาในทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
ติดต่อแพทย์ในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
- หัวใจเต้นเร็วหรือช้า
- รู้สึกเหมือนจะหมดสติ
- เป็นไข้ เจ็บคอ และปวดหัวโดยมีแผลพุพองอย่างรุนแรง ผิวลอก และผดผื่นผิดหนังสีแดง
- การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ดวงตา ลิ้น กราม หรือคอ
- รู้สึกหายใจไม่อิ่มแม้จะออกกำลังกายแค่เบาๆ
- บวม น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- คลื่นไส้ ปวดท้อง ไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (ผิวหรือดวงตาเป็นสีเหลือง)
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้
- ท้องผูก คลื่นไส้
- ผดผื่นผิวหนังหรือคัน
- วิงเวียน ปวดหัว รู้สึกเหนื่อย
- รู้สึกอุ่น คัน มีรอยแดง หรือรู้สึกซ่าที่ผิวหนัง
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือ
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาเวอราปามิลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้กับยาดังต่อไปนี้ แพทย์อาจจะตัดสินใจไม่ใช้ยาในกลุ่มนี้เพื่อรักษาคุณ หรือเปลี่ยนยาบางตัวที่คุณกำลังใช้อยู่
- โคลชิซิน (Colchicine)
- โดฟีทิไลด์ (Dofetilide)
- โลมิทาไพด์ (Lomitapide)
โดยปกติแล้วไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้กับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวหนึ่งหรือทั้งคู่
- อะเซบูโทลอล (Acebutolol)
- อะเดโนซีน (Adenosine)
- อะฟาทินิบ (Afatinib)
- อัลเพรโนลอล (Alprenolol)
- อะมิโอดาโรน (Amiodarone)
- อะพิซาแบน (Apixaban)
- อะริพิพราโซล (Aripiprazole)
- อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir)
- อะเทโนลอล (Atenolol)
- อะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin)
- เบทาโซลอล (Betaxolol)
- เบแวนโทลอล (Bevantolol)
- ไบโซโพรลอล (Bisoprolol)
- โบซูทินิบ (Bosutinib)
- บูซินโดลอล (Bucindolol)
- บิวพิวาเคน (Bupivacaine)
- บิวพิวาเคนไลโปโซม (Bupivacaine Liposome)
- คาร์บาเมเซพีน (Carbamazepine)
- คาร์เทโอลอล (Carteolol)
- คาร์เวดิลอล (Carvedilol)
- เซลิโพรลอล (Celiprolol)
- เซริทินิบ (Ceritinib)
- คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin)
- โคลนิดีน (Clonidine)
- โคลพิโดเกรล (Clopidogrel)
- โคลเซพีน (Clozapine)
- โคบิซิสแตต (Cobicistat)
- คริโซทินิบ (Crizotinib)
- ไซโคลเบนซาพรีน (Cyclobenzaprine)
- ดาบิกาทราน เอเทซิเลต (Dabigatran Etexilate)
- ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib)
- แดนโทรเลน (Dantrolene)
- ไดจอกซิน (Digoxin)
- ไดเลวาลอล (Dilevalol)
- ดอมเพริโดน (Domperidone)
- โดโซรูไบซิน (Doxorubicin)
- โดโซรูไบซินไฮโดรคลอไรด์ไลโปโซม (Doxorubicin Hydrochloride Liposome)
- โดรเนดาโรน (Dronedarone)
- อิลิกลูสแตต (Eliglustat)
- อิเพลเรโนน (Eplerenone)
- เออร์โลทินิบ (Erlotinib)
- อิริโทรมัยซิน (Erythromycin)
- เอสลิคาร์เบเซพีน อะซิเตต (Eslicarbazepine Acetate)
- เอสโมลอล (Esmolol)
- เอเวโรไลมัส (Everolimus)
- เฟนทานิล (Fentanyl)
- ฟิงโกลิมอด (Fingolimod)
- ไฮโดรคลอไรด์ (Hydrocodone)
- ไอบรูทินิบ (Ibrutinib)
- ไอเดลาลิซิบ (Idelalisib)
- ไอฟอสฟาไมด์ (Ifosfamide)
- ไอวาบราดีน (Ivabradine)
- คีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ลาเบทาลอล (Labetalol)
- ลาโคโซไมด์ (Lacosamide)
- เลโวบูโนลอล (Levobunolol)
- โลวาสแตติน (Lovastatin)
- ลูราซิโดน (Lurasidone)
- เมพินโดลอล (Mepindolol)
- เมพิวาคาอีน (Mepivacaine)
- เมทิพราโนลอล (Metipranolol)
- เมโทโพรลอล (Metoprolol)
- มิโทเทน (Mitotane)
- มอร์ฟีน (Morphine)
- มอร์ฟีนซัลเฟตไลโปโซม (Morphine Sulfate Liposome)
- นาโดลอล (Nadolol)
- นาโลเซกอล (Naloxegol)
- เนบิโวลอล (Nebivolol)
- ไนโลทินิบ (Nilotinib)
- นินเทดสนิบ (Nintedanib)
- ออกเพรโนลอล (Oxprenolol)
- เพนบูโทลอล (Penbutolol)
- พินโดลอล (Pindolol)
- พิเพราควีน (Piperaquine)
- พิแซนโทรน (Pixantrone)
- พริมมิโดน (Primidone)
- โพรพราโนลอล (Propranolol)
- ราดนลาซีน (Ranolazine)
- ซิลทูซิแมบ (Siltuximab)
- ซิเมเพรเวียร์ (Simeprevir)
- ซิมวาสแตติน (Simvastatin)
- โซทาลอล (Sotalol)
- ทาลิโนลอล (Talinolol)
- เทร์ทาโทลอล (Tertatolol)
- ทิโมลอล (Timolol)
- ทิซานิดีน (Tizanidine)
- ทอลวาบแทน (Tolvaptan)
- โทโพเทแคน (Topotecan)
- ทราเบคเทดิน (Trabectedin)
- วิลาโซโดน (Vilazodone)
- วินคริสทีน (Vincristine)
- วินคริสทีนซัลเฟตไลโปโซม (Vincristine Sulfate Liposome)
การใช้ยานี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง แต่การใช้ยาทั้งสองร่วมกันอาจเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยา หรือความถี่ในการใช้ยา ตัวหนึ่งหรือทั้งคู่
- อะซีโคลฟีแนค (Aceclofenac)
- อะเซเมทาซิน (Acemetacin)
- แอมทอลเมทิน กัวซิล (Amtolmetin Guacil)
- แอสไพริน (Aspirin)
- บรอมเฟแนค (Bromfenac)
- บูเฟซาแมค (Bufexamac)
- บิวสไปโรน (Buspirone)
- เซเลโคซิบ (Celecoxib)
- โคลีน ซาลิไซเตต (Choline Salicylate)
- โคลนิซิน (Clonixin)
- ไซโคลสโพรีน (Cyclosporine)
- ดาลโฟพริสทีน (Dalfopristin)
- เดซิบูโพรเฟน (Dexibuprofen)
- เดกคีโทโพรเฟน (Dexketoprofen)
- ไดโคลเฟแนค (Diclofenac)
- ดิลฟลูนิซาล (Diflunisal)
- ไดจิโทซิน (Digitoxin)
- ไดพีโรน (Dipyrone)
- ดูทาสเตไรด์ (Dutasteride)
- อิโทโดแลค (Etodolac)
- อีโทเฟนาเมต (Etofenamate)
- อิโทริโคซิบ (Etoricoxib)
- เฟบบิแนค (Felbinac)
- เฟโนโพรเฟน (Fenoprofen)
- เฟพราดิลอล (Fepradinol)
- เฟพราโซน (Feprazone)
- เฟลคาอิไนด์ (Flecainide)
- โฟลคทาเฟนีน (Floctafenine)
- กรดเฟนามิค (Flufenamic Acid)
- เฟลอร์ไบโพรเฟน (Flurbiprofen)
- ฟอสเฟนีโทอิน (Fosphenytoin)
- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- ไอบูโพรเฟนไลซีน (Ibuprofen Lysine)
- อินไดนาเวียร์ (Indinavir)
- อินโดเมทาซิน (Indomethacin)
- ไอทราโคนาโซล (Itraconazole)
- คีโตโพรเฟน (Ketoprofen)
- คีโตโรแลค (Ketorolac)
- ลิเทียม (Lithium)
- ลอร์โนซิแคม (Lornoxicam)
- โลโซโพรเฟน (Loxoprofen)
- ลูมิราโคซิบ (Lumiracoxib)
- เมโคลเฟนาเมต (Meclofenamate)
- กรดเมเฟนามิค (Mefenamic Acid)
- เมโลซิแคม (Meloxicam)
- มิดาโซแลม (Midazolam)
- มอร์นิฟลูเมต (Morniflumate)
- นาบูเมโทน (Nabumetone)
- นาพรอกเซน (Naproxen)
- เนพาเฟแนค (Nepafenac)
- เนไวราพีน (Nevirapine)
- กรดนิฟลูมิค (Niflumic Acid)
- นิเมซูไลด์ (Nimesulide)
- ออกซาโพรซิน (Oxaprozin)
- ออกคาร์ยาเซพีน (Oxcarbazepine)
- ออกซิเฟนบูทาโซล (Oxyphenbutazone)
- แพนคูโรเนียม (Pancuronium)
- พาเรโคซิบ (Parecoxib)
- เฟโนบาร์บิทอล (Phenobarbital)
- เฟนีบูทาโซล (Phenylbutazone)
- เฟนนีโทอิน (Phenytoin)
- ไพคีโทโพรเฟน (Piketoprofen)
- ไพโรซิแคม (Piroxicam)
- พราโนโพรเฟน (Pranoprofen)
- โพรกลูเมทาซิน (Proglumetacin)
- โพรพีเฟนาโซล (Propyphenazone)
- โพรกัวโซล (Proquazone)
- ควินิดีน (Quinidine)
- ควินูพริสทีน (Quinupristin)
- ไรฟาเพนทีน (Rifapentine)
- ริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
- โรเฟโคซิบ (Rofecoxib)
- กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid)
- ซาลซาเลต (Salsalate)
- ซิโรลิมัส (Sirolimus)
- โซเดียมซาลิไซเลต (Sodium Salicylate)
- สมุนไพรเซนต์จอห์น (St John’s Wort)
- ซูลินแดค (Sulindac)
- เทดิซามิล (Tedisamil)
- เทลิโทรมัยซิน (Telithromycin)
- เทโนซิแคม (Tenoxicam)
- กรดไทอาโพรเฟนิค (Tiaprofenic Acid)
- กรดทอลเฟนามิค (Tolfenamic Acid)
- ทอลเมทิน (Tolmetiน)
- ทูโบคูรารีน (Tubocurarine)
- วาลเดโคซิบ (Valdecoxib)
- เวคิวโรเนียม (Vecuronium)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาเวอราปามิลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาเวอราปามิลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- โรคกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนแบบดูชีนน์ (Duchenne’s muscular dystrophy) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (myasthenia gravis)
- โรคปอดบวมน้ำ (Pulmonary edema)
- โรคสัญญาณไฟฟ้าหัวใจถูกปิดกั้น (Heart block)
- ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่นกลุ่มอาการวูลฟ์พาร์กินสันไวท์ (Wolff-Parkinson-White syndrome) กลุ่มอาการลาวน์ กานอง เลวีน (Lown-Ganong-Levine syndrome)
- ความดันโลหิตต่ำ
- กลุ่มอาการซิกไซนัส (Sick sinus syndrome) (ปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ สามารถใช้ได้หากเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจทำงานอย่างถูกต้อง)— ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยสภาวะนี้
- ปัญหาเกี่ยวกับไต
- ปัญหาเกี่ยวกับตับ—ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ผลของยาอาจเพิ่มขึ้น เพราะกำจัดยาออกจากร่างกายได้ช้าลง
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาเวอราปามิลสำหรับผู้ใหญ่
รับประทาน: ผลการลดความดันของยาเวอราปามิลนั้นจะเห็นได้ชัดภายในสัปดาห์แรกของการรักษา
ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันที Calan R®
- ขนาดยาเริ่มต้น: 80 มก. รับประทาน 3 ครั้งต่อวัน อาจพิจารณาอีกทางเลือกหนึ่งคือ 40 มก. รับประทาน 3 ครั้งต่อวันในผู้ป่วยที่อาจมีการตอบสนองต่อขนาดยาที่ต่ำ (เช่นขนาดตัวเล็ก)
- ขนาดยาปกติ: อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับผลของการรักษา ผลการประเมินในช่วงท้ายของช่วงการใช้ยา เคยมีการใช้ยาในขนาด 360 และ 480 มก. ต่อวัน แต่ยังไม่มีหลักฐานการพิสูจน์ว่าขนาดยาที่มากกว่า 360 มก. นั้นจะมีประสิทธิภาพ
ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน Calan SR R® หรือ Isoptin SR R®
- ขนาดยาเริ่มต้น: 180 มก. รับประทานวันละครั้งในตอนเช้าพร้อมกับอาหาร อาจใช้ยาในขนาด 120 มก. รับประทานวันละครั้งในตอนเช้าพร้อมกับอาหารในผู้ป่วยที่อาจมีการตอบสนองต่อยาเวอราปามิลเพิ่มขึ้น (เช่นขนาดตัวเล็ก)
- ขนาดยาปกติ: อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับผลของการรักษาและผลการประเมินความปลอดภัยทุกสัปดาห์ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากยาครั้งก่อน หากยังไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอด้วยการใช้ยาในขนาดเริ่มต้น อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น
ยาแคปซูลออกฤทธิ์นาน Verelan R®
- ขนาดยาเริ่มต้น: 240 มก. รับประทานวันละครั้งในตอนเช้า (ขนาดยาปกติในการทดลองทางการแพทย์) อีกทางเลือกหนึ่งคืออาจใช้ยาในขนาด 120 มก. รับประทานวันละครั้งในผู้ป่วยที่อาจมีการตอบสนองต่อยาเวอราปามิลเพิ่มขึ้น (เช่นขนาดตัวเล็ก)
- ขนาดยาปกติ: อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับผลของการรักษาและผลการประเมินความปลอดภัยทุกสัปดาห์ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากยาครั้งก่อน หากยังไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอด้วยการใช้ยาในขนาดเริ่มต้น อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น
ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน Covera HS R®
- ขนาดยาเริ่มต้น: 180 มก. รับประทานก่อนนอน
- ขนาดยาปกติ: หากยังไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอด้วยการใช้ยาในขนาดเริ่มต้น อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น
ยาแคปซูลออกฤทธิ์นาน Verelan PM R®
- ขนาดยาเริ่มต้น: 200 มก. รับประทานวันละครั้งก่อนนอน (ขนาดยาปกติในการทดลองทางการแพทย์) ในกรณีหายากอาจใช้ยาเริ่มต้นในขนาด 100 มก. รับประทานวันละครั้งก่อนนอน ในผู้ป่วยที่อาจมีการตอบสนองต่อยาเวอราปามิลเพิ่มขึ้น (เช่นผู้ป่วยที่น้ำหนักตัวน้อย)
- ขนาดยาปกติ: อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับผลของการรักษาและผลการประเมินความปลอดภัยทุกสัปดาห์ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากยาครั้งก่อน หากยังไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอด้วยการใช้ยาในขนาดเริ่มต้น อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น
ขนาดยาเวอราปามิลสำหรับเด็ก
อายุน้อยกว่า 1 ปี
โดยปกติแล้วจะไม่แนะนำเนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะหัวใจเต้นช้า (bradycardia) อาการความดันโลหิตต่ำ และอาการหัวใจหยุดเต้น ที่รุนแรง มีเตรียมแคลเซียมสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำให้พร้อมอยู่ข้างเตียง
- ขนาดยาเริ่มต้น: 0.1 ถึง 0.2 มก./กก./ครั้ง (ช่วงขนาดยาปกติสำหรับครั้งเดียวคือ: 0.75 ถึง 2 มก./ครั้ง) ควรฉีดเข้าหลอดเลือดดำในทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาทีภายใต้การเฝ้าระวังคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง
- ขนาดยาให้ซ้ำ: 0.1 ถึง 0.2 มก./กก./ครั้ง (ช่วงขนาดยาปกติสำหรับครั้งเดียวคือ: 0.75 ถึง 2 มก./ครั้ง) 30 นาทีหลังจากให้ยาครั้งแรกหากการตอบสนองต่อขนาดยาเริ่มต้นนั้นไม่เพียงพอ (ภายใต้การเฝ้าระวังคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่อง)
- ยังไม่มีการกำหนดช่วงที่ดีที่สุดสำหรับขนาดยาที่ตามมาและจำเป็นต้องแตกต่างกันตามผู้ป่วยแต่ละราย
อายุ 1 ถึง 15 ปี
- ขนาดยาเริ่มต้น: 0.1 ถึง 0.3 มก./กก./ครั้ง (ช่วงขนาดยาปกติสำหรับครั้งเดียวคือ: 2 ถึง 5 มก./ครั้ง) ควรฉีดเข้าหลอดเลือดดำในทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที ขนาดยาไม่ควรเกิน 5 มก.
- ขนาดยาให้ซ้ำ: 0.1 ถึง 0.3 มก./กก./ครั้ง (ช่วงขนาดยาปกติสำหรับครั้งเดียวคือ: 2 ถึง 5 มก./ครั้ง) 30 นาทีหลังจากให้ยาครั้งแรกหากการตอบสนองต่อขนาดยาเริ่มต้นนั้นไม่เพียงพอ ขนาดยาไม่ควรเกิน 10 มก.
- ยังไม่มีการกำหนดช่วงที่ดีที่สุดสำหรับขนาดยาที่ตามมาและจำเป็นต้องแตกต่างกันตามผู้ป่วยแต่ละราย
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ด 180 มก. 240 มก.
- ยาฉีด
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
อาการของการใช้ยาเกินขนาดมีดังต่อไปนี้
- วิงเวียน
- มองเห็นไม่ชัด
- หัวใจเต้นช้า เร็ว หรือผิดปกติ
- ชัก
- สับสน
- หายใจติดขัดหรือหายใจตื้น
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]