backup og meta

รู้หรือไม่ ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้คุณผู้ชายมี ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

    รู้หรือไม่ ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้คุณผู้ชายมี ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ

    ปัญหาเรื่องเทสโทสเตอโรนต่ำ เป็นสิ่งที่ผู้ชายกำลังตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก จนน่าสงสัยว่า ทำไมผู้ชายในยุคนี้ถึงมีปัญหาเรื่อง ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ เพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปดูกันว่ามีสาเหตุมาจากอะไร

    ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ชายที่สุขภาพดี ควรที่จะรักษาระดับการสร้างเทสโทสเตอโรนตามปกติเอาไว้ได้ ระดับเทสโทสเตอโรนที่ลดต่ำลงเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงสุขภาพของผู้ชายที่ย่ำแย่หรืออาจผิดปกติ ขณะเดียวกันอาจมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระดับเทสโทสเตอโรนของคุณได้ โดยคุณอาจจะคิดไม่ถึง และนี่คือปัจจัยต่างๆที่คุณผู้ชายควรระวังเอาไว้!

    ปัจจัยที่ส่งผลให้ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ

    1 คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ

    อาหารที่เรากินส่วนใหญ่ในตอนนี้ มักเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นข้าวขัดขาว ขนมปัง พาสต้า อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารกล่องสำเร็จรูป การกินอาหารเหล่านี้เป็นประจำ ทำให้การหลั่งอินซูลินของตับอ่อนเพิ่มขึ้น

    ระดับอินซูลินที่เพิ่มขึ้นนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะโรคเบาหวานจะจู่โจมตัวคุณด้วยซ้ำ อินซูลินที่เพิ่มรบกวนเส้นทางของฮอร์โมนหลักในร่างกาย และกดการสร้างเทสโทสเตอโรนของร่างกาย

    เพราะฉะนั้นคุณควรระมัดระวังในการบริโภคอาหารประเภทนี้  เพราะไม่เพียงแต่มันทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลงได้แล้ว มันยังรบกวนระบบฮอร์โมนเพศชายของคุณด้วย

    2 ฮอร์โมนในเนื้อ

    ปัจจุบันมีการใช้ฮอร์โมนอย่างมากในเนื้อวัว เนื้อหมู และอุตสาหกรรมนม ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกินเนื้อ มันก็อาจส่งผลต่อฮอร์โมนเพศชายของคุณได้ ทางออกก็คือพยายามกินผักให้มากขึ้น ผักช่วยให้สุขภาพดี และยังช่วยให้การสร้างฮอร์โมนเป็นปกติด้วย

    3 สารเคมีในสิ่งแวดล้อม

    มีสารเคมีนับพันชนิดที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา และสารเคมีหลายอย่างมีลักษณะที่เหมือนกับเอสโตรเจน (Estrogen) การได้รับกับสารเคมีเหล่านี้จึงรบกวนและขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ได้

    งานวิจัยชี้ว่าสารเคมีอย่าง เช่น พาทาเลต หรือ BPA ได้แสดงผลถึงการลดลงของเทสโทสเตอโรนในทุกกลุ่มอายุ และกระทั่งรบกวนการแตกเนื้อหนุ่มในเด็กผู้ชายด้วย การกินอาหารออร์แกนิกเป็นหนทางที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการหลีกเลี่ยงสารเคมีเหล่านี้

    4 ความเครียด

    ถ้าคุณเจอความเครียดสูงอยู่ตลอดเวลา ความสามารถระบบการสืบพันธุ์ของคุณก็จะมีปัญหาแน่นอน ความเครียดอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) สูงขึ้น ซึ่งกดการทำงานของเส้นทางของฮฮร์โมนหลัก และกดการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในการสืบพันธุ์ รวมทั้งเทสโทสเตอโรนด้วย ความเครียดยังส่งผลยับยั้งเทสโทสเตอโรน ไม่ให้ทำงานได้ตามปกติอีกด้วย

    5 เบียร์

    งานวิจัยพบว่า การดื่มเบียร์ในปริมาณปานกลาง ทำให้เทสโทสเตอโรนลดลงสูงถึงร้อยละ 6.8 เนื่องจากฮ็อป (hop) ที่ใช้ในการทำเบียร์ มีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน และสามารถรบกวนการทำงานของเทสโทสเตอโรนได้ ที่จริงคุณสมบัติที่คล้ายกับเอสโตรเจนของฮ็อป ในปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการรักษาอาการร้อนวูบวาบ เนื่องจากภาวะวัยทองของผู้หญิงเลยทีเดียว

    6 ยาลดคอเลสเตอรอลบางอย่าง

    งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่ายารักษาคอเลสเตอรอลสูงบางอย่าง ส่งผลกระทบต่อเทสโทสเตอโรนได้ ในบทความเมื่อปี 2013 นักวิจัยพบว่ายาสแตติน (Statin) ที่ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล ทำให้เกิดการลดลงของเทสโทสเตอโรนเล็กน้อย แต่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เรายังต้องศึกษาในเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อเรียนรู้อย่างชัดเจน ถึงประโยชน์และความเสี่ยงของยา และเข้าใจถึงผลข้างเคียงของยาอย่างแท้จริง

    พูดอีกอย่างก็คือ อย่าเพิ่งหยุดกินยารักษาคอเลสเตอรอลของคุณ เพียงเพราะคุณกังวลเรื่องเทสโทสเตอโรน คุณควรปรึกษากับแพทย์ทุกครั้ง ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงยาที่แพทย์สั่งให้กิน

    7 การกินเมล็ดแฟล็กซ์(Flax seeds)

    เมล็ดแฟล็กซ์ เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มันมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็น และเส้นใยอาหารที่คุณต้องการ และในเมล็ดยังมีสารเคมีที่เรียกว่าลิกแนนส์ (Lignans) ในระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งลิกแนนส์มีคุณประโยชน์หลายอย่าง แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic OvarySyndrome)

    ผลจากการศึกษา นักวิจัยได้ให้ผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ กินเมล็ดแฟล็กซ์ 30 กรัมทุกวัน เป็นเวลา 100 วัน ในตอนท้ายของการศึกษา ระดับเทสโทสเตอโรนรวมของผู้หญิงลดลงถึงร้อยละ 70 ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ แต่ไม่ใช่ข่าวดีของผู้ชายที่เป็นกังวลเรื่องระดับเทสโทสเตอโรนเลย

    8 การออกกำลังกาย (หรือไม่ออกกำลังกายเลย)

    เมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ และยังช่วยรักษาเทสโทสเตอโรนให้เหมาะสมด้วย ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ว่า คนที่ออกกำลังกายโดยทั่วไป มีระดับเทสโทสเตอโรนสูงกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย ราวร้อยละ 14

    แต่ถ้าคุณออกกำลังกายหนักเกินไป คุณก็จะเจอปัญหาอย่างอื่น การออกกำลังกายหนักเกินไป อาจทำให้ระบบบางอย่างในร่างกายหยุดทำงาน และร่างกายจะเริ่มลดการสร้างเทสโทสเตอโรน อีกทั้งการออกกำลังกายหนักเกินไปกินระยะเวลานาน ยังส่งผลต่อสมอง และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

    ฉะนั้นคุณผู้ชายทั้งหลาย ฟังเสียงร่างกายให้ดี ให้แน่ใจว่าคุณได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในระหว่างการออกกำลังกายแต่ละครั้ง พักบ่อย ๆ และอย่าเพิ่มความหนักในการออกกำลังกายเร็วเกินไป และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ในระยะเวลาที่พอเหมาะ

    9 การใช้อะนาบอลิกเสตียรอยด์ (Anabolic steroids)

    การใช้อะนาบอลิกสเตียรอยด์ในนักเพาะกาย ทำให้อัณฑะหยุดการทำงานเพื่อสร้างเทสโทสเตอโรน ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างถาวร แม้จะหยุดใช้ไปแล้วก็ตาม โดยนี่เป็นผลจากงานวิจัยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 ในวารสาร Addict ซึ่งนักวิจัยได้เปรียบเทียบนักยกน้ำหนักที่ใช้อะนาบอลิกสเตียรอยด์ กับผู้ที่ไม่ได้ใช้ พวกเขาพบความเสี่ยงของระดับเทสโทสเตอโรนที่ลดลงในผู้ที่ใช้อะนาบอลิกสเตียรอยด์ แม้หลังจากที่หยุดใช้แล้วก็ตาม

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา