ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่า ผู้ชายมีภาวะ “วัยทอง” เหมือนผู้หญิงจริงหรือไม่ ในผู้หญิง วัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง ส่งผลกระทบหลายประการต่อสุขภาพและร่างกายของผู้หญิง เช่น สภาวะอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสามารถสังเกตได้ชัดเจน แต่สำหรับผู้ชายก็สามารถพบอาการและการเปลี่ยนแปลงได้หลายอย่างได้เช่นกัน ที่เรียกว่า “วัยทองในผู้ชาย’ ขณะที่อายุมากขึ้น Hello คุณหมอ ตามหาข้อมูลของเรื่องนี้มาฝากกัน ไปดูกันเลยดีกว่า
อาการ วัยทองในผู้ชาย
ช่วงวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงมักจะเกิดอาการหลายอย่าง เนื่องมาจากการลดลงของฮอร์โมนเพศ ซึ่งก็เป็นอาการที่สามารถพบได้ในผู้ชายที่มีอายุมากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่น
- อาการร้อนวูบวาบ
- อารมณ์เสีย หงุดหงิดง่าย
- ไขมันสะสมรอบเอวและหน้าอก
- สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
- ผิวแห้งและบางลง
- เหงื่อออกมากขึ้น
การศึกษาในวารสาร New England Journal of Medicine ยังระบุด้วยว่า นอกเหนือจากอาการเหล่านี้แล้ว อาการที่พบได้บ่อยในผู้ชายสูงวัย ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศชายก็คือ อารมณ์ทางเพศที่ลดลง การแข็งตัวในตอนเช้าที่บ่อยน้อยลง และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
รวมทั้งยังมีอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น พลังวังชาที่ลดลง ไม่สามารถเดินได้ไกล และไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายได้ เช่น การวิ่ง การยกของหนัก รวมถึงการคุกเข่า ก้มตัว หรือนั่งยองๆ ก็จะยากมากขึ้น
สาเหตุของอาการ วัยทองในผู้ชาย
นักวิจัยบางคนชี้ว่า อาการเหล่านี้เกิดมาจากการลดลงของฮอร์โมนแอนโดรเจนในผู้ชายสูงวัย (Androgen Decline In The Aging Male-ADAM) หรือภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำที่เกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่ออวัยวะเพศที่สร้างเซลล์ทางเพศเริ่มมีแก่ตัวลง และทำงานได้ไม่ดีพอ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่ผู้ชายถึงวัยสามสิบ ระดับเทสโทสเตอโรนก็จะค่อยๆ ลดลงช้าๆ ราวหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี
แต่ถึงแม้อาการเหล่านี้จะเกิดจากปัญหาของฮอร์โมนเพศเหมือนกับผู้หญิง แต่การนำไปเปรียบเทียบกับการหมดประจำเดือนของผู้หญิง ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
วัยทองในผู้ชาย คล้ายแต่ไม่เหมือน
วัยหมดประจำเดือนของผู้หญิงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพัฒนาการทางเพศของผู้หญิงตามธรรมชาติ เรียกได้ว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องเจอกับอาการนี้และนี่ก็คือความแตกต่างอย่างแรกนั่นก็คือ ภาวะฮอร์โมนเพศลดต่ำลง
แต่ในผู้ชายส่งผลกระทบกับผู้ชายราวร้อยละ 2.1 ซึ่งสามารถพบอาการนี้ได้เพิ่มขึ้นตามวัย แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพัฒนาการทางเพศตามธรรมชาติของผู้ชาย หรือไม่ได้เกิดกับผู้ชายทุกคน
นอกจากนี้การลดลงของฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิงนั้น เป็นการลดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ของเอสโตรเจนและโพรเจสเตอโรน ที่เป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ขณะที่การลดลงของเทสโทสเทอโรนที่เป็นฮอร์โมนเพศชายนั้นไม่ชัดเจน และรุนแรงน้อยกว่าการหมดประจำเดือนในผู้หญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือน
การลดลงของเทสโทสเตอโรนในผู้ชายมักเป็นไปอย่างช้าๆ อัณฑะยังไม่ได้หยุดการสร้างเทสโทสเทอโรน เหมือนกับที่รังไข่หยุดสร้างฮอร์โมน ผู้ชายที่สุขภาพดีอาจสามารถสร้างอสุจิได้ดีจนกระทั่งถึงวัย 80 หรือมากกว่านั้น หากผู้ชายมีโรคบางชนิด การเปลี่ยนแปลงของอัณฑะอาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น ในวัย 45-50 และลดลงอย่างมากในวัย 70 สำหรับผู้ชายบางคน
ไม่ใช่แค่ฮอร์โมนเพศที่เป็นต้นเหตุ
นอกจากนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังไม่เชื่อว่า การลดลงของเทสโทสเตอโรนที่เกี่ยวกับอายุตามปกติ เป็นหัวใจสำคัญอย่างเดียวของอาการ “วัยทอง” ในผู้ชาย เพราะถ้าเกี่ยวกัน ผู้ชายจะต้องพบกับอาการนี้ทุกคน
อาการนี้ซับซ้อน และแตกต่างกันไปในแต่ละคน รวมทั้งผู้ชายสูงอายุที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเทสโทสเตอโรนต่ำ ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นผู้ที่โรคประจำตัว อย่างโรคหัวใจ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และเบาหวานชนิดที่สอง รวมถึงมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างเช่นไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เครียด วิตกกังวล และนอนไม่พอ
ผู้ชายบางคนยังมีปัญหาทางจิตใจที่เรียกกันว่า “วิกฤตวัยกลางคน (mid-life crisis)” ซึ่งเป็นอาการวิตกกังวลกับเรื่องอาชีพการงานและเรื่องส่วนตัว จนทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และก็สามารถทำให้ฮอร์โมนเพศชายลดต่ำลงได้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญจึงมักชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนอย่างเดียว ไม่ใช่สาเหตุหลักของอาการ “วัยทอง” ในผู้ชาย
การรักษาวัยทองในผู้ชาย
เนื่องจากอาการนี้ไม่มีนิยามที่ชัดเจน และไม่มีหลักฐานพอที่จะบ่งชี้ว่า “วัยทองในผู้ชาย’ เป็นอาการที่ต้องรับการรักษา เหมือนกับวัยทองในผู้หญิง ผู้ชายที่พบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่คล้ายกับวัยทองเหล่านี้ จึงมักได้รับการรักษาตามอาการที่มี เช่น คนที่เป็นโรคอ้วน ก็จะได้รับการสนับสนุนให้ลดน้ำหนัก คนที่เป็นเบาหวานหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็จะได้รับการจัดการกับอาการเหล่านี้อย่างเหมาะสม เช่น การควบคุมน้ำตาลในเลือด การใช้ยา ซึ่งเมื่อควบคุมอาการต่างๆ ได้ อาการวัยทองก็อาจจะดีขึ้น
หากอาการไม่ดีขึ้นอาจมีการพิจารณาใช้ฮอร์โมนบำบัด เพื่อทดแทนเทสโทสเตอโรนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติที่จำเป็นเหมือนการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนในผู้หญิง การใช้ฮอร์โมนบำบัดในผู้ชาย มักใช้เมื่อมีการตรวจยืนยันแล้วว่า ผู้ชายมีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในระดับที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจริงๆ ซึ่งการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่คุณได้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด