Mental Health หรือสุขภาพจิต สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย เพราะมีผลต่อความคิด ความรู้สึก รวมถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งนี้ ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะสนใจเรื่องสุขภาพจิตน้อยกว่าผู้หญิง เพราะหากผู้ชายมีปัญหาสุขภาพจิตอาจรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอและไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับการที่สังคมคาดหวังให้ผู้ชายแข็งแกร่ง หรือเป็นผู้นำ
[embed-health-tool-bmi]
ทำไมผู้ชายถึงไม่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพจิต
ปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ผู้ชายบางคนอาจให้ความสนใจเรื่องสุขภาพจิตน้อยกว่าผู้หญิง เนื่องจากมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นภาพสะท้อนของความอ่อนแอ ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของสังคมที่ต้องการให้ผู้ชายแข็งแกร่ง มั่นคง หรือเป็นผู้นำ
ดังนั้น แม้ว่าผู้ชายอาจมีปัญหาสุขภาพจิตแต่เลือกที่จะไม่พูดถึง หรืออาจละเลยที่จะสำรวจตัวเองว่ามีปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่
Mental Health Foundation ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ผู้ชายไม่ค่อยพูดถึงปัญหาสุขภาพจิตของตัวเองกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว และบางคนอาจเลือกใช้วิธีเสพยาเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือทำงานหนัก เพื่อแก้ปัญหาความเครียดหรืออาการซึมเศร้า
ผลการศึกษาชิ้นหนึ่ง เรื่องผู้ชายและความอับอายต่อการมีปัญหาสุขภาพจิต ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Men’s Health ปี พ.ศ. 2563 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพจิตในผู้ชายมักไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากผู้ชายไม่นิยมไปพบคุณหมอเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพจิตเหมือนผู้หญิง เนื่องมาจากอิทธิพลของสังคมที่มีแนวคิดชายเป็นใหญ่ซึ่งเป็นสาเหตุให้อาการของโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวลแย่ลงด้วย
นอกจากนั้น ในรายงานชิ้นเดียวกันยังระบุว่า โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในผู้ชายอเมริกัน โดยในแต่ละปี มีผู้ชายอเมริกันจำนวนประมาณ 6 ล้านคนได้รับผลกระทบจากโรคซึมเศร้า
Mental Health ที่พบได้ในผู้ชาย
ผู้ชายอาจมีปัญหาสุขภาพจิตต่าง ๆ ดังนี้
- โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางจิตเวชแบบหนึ่ง มีสาเหตุมาจากการลดลงของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมอง ส่งผลให้รู้สึกเศร้าตลอดเวลา ต้องการอยู่คนเดียว ปวดหัวหรือปวดตามตัว ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน และรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย
- โรควิตกกังวล เป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม การทำงานของสมองที่ผิดปกติ การเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด อาการของโรคนี้คือ ขี้ตระหนก หวาดกลัว จิตใจไม่สงบ นอนไม่หลับ คลื่นไส้ หายใจลำบาก และคิดถึงปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- โรคอารมณ์สองขั้วหรือไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง กล่าวคือบางครั้งก็รู้สึกหดหู่ใจ เศร้า สิ้นหวัง หมดความสนใจกับกิจกรรมตรงหน้า ในขณะที่บางเวลากลับมีความสุข สนุก หรือร่าเริง ทั้งนี้ ทางการแพทย์สันนิษฐานว่า โรคอารมณ์สองขั้วเกิดจากสารเคมีในสมองเสียสมดุล
- ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder หรือ PTSD) เป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดจากการเห็นหรือเผชิญเหตุการณ์รุนแรงหรือสะเทือนอารมณ์ เช่น เหตุฆาตกรรม การถูกข่มขืน การสูญเสียคนรัก สงคราม ภัยพิบัติ โดยอาการของภาวะนี้คือ นอนไม่หลับ ฝันร้าย รู้สึกหมดหวังต่ออนาคต อ่อนไหว ไม่สนใจสุขภาพหรือชีวิตตัวเอง ก้าวร้าว และหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสถานที่ กิจกรรม หรือผู้คนที่ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์รุนแรงในอดีต
เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ
ผู้ชายควรไปพบจิตแพทย์ เมื่อพบสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตดังต่อไปนี้
- โมโห หงุดหงิด หรือก้าวร้าวกว่าปกติ
- เบื่ออาหาร
- นอนไม่หลับหรือนอนมากกว่าปกติ
- หมดแรง
- ไม่มีสมาธิกับกิจกรรมตรงหน้า
- รู้สึกเศร้า หมดหวัง
- มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
- อยากทำกิจกรรมที่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ขับรถเร็ว ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
- ปวดหัว ปวดตามร่างกาย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
- มีความคิดหรือพฤติกรรมแปลกแยกที่ส่งผลเสียต่อการงาน ครอบครัว และการเข้าสังคม
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริการะบุว่า ผู้ชายมีแนวโน้มเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิง ดังนั้น เมื่อพบสัญญาณข้างต้น จึงควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต