การแพทย์แบบองค์รวม คือการดูแลสุขภาพทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ จิตวิญญาณ และสังคม ซึ่งจะเน้นทางด้านการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมากกว่าการรักษา เพื่อให้สุขภาพที่ดี นอกจากนั้น การแพทย์แบบองค์รวมยังมีหลากหลายแขนงด้วยกัน ซึ่งแต่ละแขนงก็จะมีจุดมุ่งหมายในการรักษาที่แตกต่างกัน วันนี้ทาง Hello คุณหมอ ได้นำข้อมูลของ การแพทย์แบบองค์รวม มาฝากกัน
การแพทย์แบบองค์รวม คืออะไร
การแพทย์แบบองค์รวม (Holistic Medicine) เป็นวิธีดูแลสุขภาพให้ทั่วถึงทั้งร่างกาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงสุขภาพและความสมบูรณ์แข็งแรงผ่านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
โดยปกติแล้ว การแพทย์แบบองค์รวมจะผสมผสานระหว่างการแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือก (Complementary and Alternative Medicine; CAM) เข้าด้วยกัน แผนการรักษาที่แน่นอนของคุณนั้นจะถูกกำหนดโดยประเภทของการแพทย์แบบองค์รวม
ผู้ทำการรักษาด้วยการแพทย์แบบองค์รวมนั้นมีหลายประเภท บางคนเป็นแพทย์ที่มีวุฒิทางการแพทย์ โดยพวกเขาอาจจะใช้หลักการรักษาตามการแพทย์แบบองค์รวม จึงทำให้พวกเขาหลายเป็นแพทย์ตามแบบการแพทย์องค์รวม ส่วนผู้ที่ประกอบวิชาชีพตามแบบการแพทย์องค์รวมอื่น ๆ แต่ไม่ได้เป็นแพทย์ พวกเขาอาจถูกเรียกว่า “แพทย์” ในสาขาของตัวเอง แต่ไม่ได้มีใบประกอบโรคศิลป์ในการประกอบวิชาชีพ
โดยทั่วไปแล้ว การแพทย์แบบองค์รวม ไม่ได้ถูกนำมาใช้แทนการดูแลทางการแพทย์แบบดั้งเดิม โดยทั่วไปจะถูกแนะนำให้ใช้เป็นส่วนเสริมของการรักษาตามปกติ
ทำความเข้าใจกับหลัก การแพทย์แบบองค์รวม
สำหรับหลักการแพทย์แบบองค์รวมนั้นจะขึ้นอยู่กับค่านิยมหลักหลายประการ ดังนี้
- สุขภาพที่ดี คือ การรวมกันของสุขภาพกาย อารมณ์ จิตใจ จิตวิญญาณ และสังคม
- เน้นป้องกันการเกิดโรคมาเป็นอันดับแรก การรักษาโรคมาเป็นอันดับที่สอง
- โรคภัยเกิดจากปัญหากับทั้งร่างกาย มากกว่าจะเกิดขึ้นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- เป้าหมายของการรักษา คือ การแก้ไขสาเหตุของโรคควบคู่ไปกับการดูแลให้อาการดีขึ้น
- การรักษาหลักการแพทย์แบบองค์รวมนั้นมีทางเลือกมากมาย เช่น การศึกษา การดูแลตัวเอง การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือก (Complementary And Alternative Medicine หรือ CAM) และยาแผนโบราณ
- บุคคลไม่ได้ถูกกำหนดโดยสภาพโรคภัยของพวกเขา
- ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ที่ได้รับการรักษา ส่งผลกับผลการรักษาได้
บุคลากรการแพทย์แบบองค์รวม มีอะไรบ้าง
แพทย์แบบองค์รวม คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ปฏิบัติด้านการแพทย์องค์รวม สำหรับแพทย์องค์รวมประเภททั่วไป มีหลายแขนงด้วยกัน ดังนี้
การแพทย์แผนออสทีโอพาธี (Osteopath)
นักบำบัดโรคกระดูก (Osteopath) หรือแพทย์แผนออสทีโอพาธี (Doctor of Osteopathy; DO) เป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาต ซึ่งรักษาปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับกระดูก รูปแบบของการรักษาจะเกี่ยวข้องกับการจัดระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยมีแนวคิดก็คือ ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก ที่ประกอบด้วย กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาท จะส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกาย
นักบำบัดโรคกระดูก ก็คือ แพทย์ ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เช่นเดียวกับแพทย์อายุรกรรม (Doctor of Medicine; MD) ทั้งแพทย์อายุรกรรมและแพทย์แผนออสทีโอพาธีต้องผ่านการศึกษาในโรงเรียนแพทย์ จากนั้นจะเลือกสาขาการแพทย์เฉพาะทาง ผ่านการเป็นแพทย์ประจำบ้าน และพวกเขาจะต้องสอบขอใบประกอบโรคศิลป์เพื่อเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้อง
เวลารักษาผู้ป่วย แพทย์อายุรกรรมและแพทย์แผนออสทีโอพาธี จะใช้วิธีการรักษาตามแบบดั้งเดิม แต่แพทย์แผนออสทีโอพาธี อาจมีการรักษาด้วยการจัดกล้ามเนื้อและโครงกระดูกด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากแพทย์อายุรกรรมแบบดั้งเดิม
การแพทย์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
การแพทย์ผสมผสานเป็นแพทย์ที่ได้รับใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งมีแนวทางการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ สิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการผสมผสานการรักษาแบบดั้งเดิมและการแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือก โดยการแพทย์ผสมผสานมีเพื่อใช้ร่วมกับการดูแลทางการแพทย์แบบดั้งเดิม และยังใช้ควบคู่กับการบำบัดที่หลากหลาย
แพทย์อายุรเวท (Ayurvedic Doctor)
แพทย์อายุรเวทใช้อายุรเวท เพื่อรักษาโรค โดยอายุรเวทเป็นระบบการแพทย์โบราณของอินเดีย ผู้ปฏิบัติงานเชื่อว่า ปัญหาสุขภาพเกิดจากโทษะ (Doshas) หรือพลังชีวิตไม่สมดุล อายุรเวทมีจุดมุ่งหมาย เพื่อปรับสมดุลของโทษะ ผ่านการรักษาทางเลือก ทั้งโภชนาการ รักษาด้วยสมุนไพร และการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิต
ในอินเดีย การแพทย์อายุรเวชเป็นระบบหลักในการดูแลสุขภาพ ผู้ประกอบวิชาชีพจะได้รับการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพและได้มาตรฐานที่โรงเรียนอายุรเวท เพื่อเป็นแพทย์อายุรเวท อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐอเมริกาไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ ที่ให้การรับรองสำหรับแพทย์อายุรเวท อย่างกว้างขวางทั้งประเทศ ซึ่งทำให้แพทย์อายุรเวทไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแพทย์ปริญญา
การแพทย์ธรรมชาติบำบัด (Naturopathic Medicine)
การแพทย์ธรรมชาติบำบัด (Naturopathic Medicine; ND) ผู้ประกอบวิชาชีพจะได้รับการฝึกฝนด้านการแพทย์ธรรมชาติบำบัด ระบบการแพทย์นี้จะผสมผสานระหว่างวิทยาการแพทย์ตะวันตก การบำบัดด้วยธรรมชาติและแนวทางแบบองค์รวมในการรักษาโรค การบำบัดทางธรรมชาติอาจถูกใช้เป็นการรักษาหลักและเป็นการรักษาเสริม
การแพทย์ธรรมชาติบำบัดต้องเข้าเรียนที่วิทยาลัยการแพทย์ตามธรรมชาติ ซึ่งจะเรียนหลักสูตรเดียวกับแพทย์แบบดั้งเดิม นอกจากนั้น พวกเขายังต้องสอบเอาใบประกอบโรคศิลป์อีกด้วย แต่พวกเขาก็จะไม่ถูกยอมรับว่าเป็นแพทย์ปริญญา
การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine; TCM) เป็นรูปแบบการแพทย์แผนจีนโบราณ ตามการแพทย์แผนจีนเชื่อว่า ทุกคนมีพลังชีวิต หรือที่เรียกว่า “ชี (Qi)” สุขภาพที่ดีขึ้นอยู่กับชีที่สมดุลหรือมีการไหลเวียนดี แต่หากชีไม่สมดุลหรือถูกปิดกั้น จากเกิดโรคตามมา โดยเป้าหมายของการแพทย์แผนจีน คือ การปรับสมดุลของชีผ่านการฝังเข็ม ยาสมุนไพร และการบำบัดด้วยการเปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
ในสหรัฐอเมริกาผู้ปฏิบัติงานการแพทย์แผนจีน คือ ผู้ที่ฝึกฝนการฝังเข็มหรือยาสมุนไพรจีน การฝึกอบรมประกอบด้วยการเรียน 3-4 ปี และการสอบเพื่อรับใบประกอบวิชาชีพ บางสถาบันเปิดสอนในระดับปริญญา เช่นเดียวกับแพทย์แผนตะวันออก อย่างไรก็ตาม การแพทย์แผนจีนก็ยังไม่ได้ยอมรับว่าเป็นแพทย์ปริญญา
แต่การแพทย์แบบองค์รวมนั้น ไม่ได้เป็นการทดแทนการดูแลทางการแพทย์แบบดั้งเดิม ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์แผนดั้งเดิมก่อนที่จะลองใช้การรักษาแบบองค์รวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้รับการดูแลที่ดีและปลอดภัยที่สุด
[embed-health-tool-bmi]