อาการ ไอจาม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไอหรือจามเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น ไปจนถึงไอจามเรื้อรัง เพราะป่วยเป็นวัณโรค คนเราสามารถไอหรือจามได้ตลอดเวลา และบางครั้งอาจเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว จึงไม่ได้ป้องกันอย่างถูกวิธี
ซึ่งนี่เอง เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เชื้อโรคมากมายแพร่ไปในอากาศ กระจายสู่ผู้อื่น และอาจทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อโรคป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (Respiratory tract infections) ได้
ไวรัส..ไปได้ไกลและอยู่ได้นานกว่าที่คิด
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า การไอหรือจามแต่ละครั้ง จะมีละอองน้ำลายประมาณ 3,000 หยด พร้อมกับไวรัสอีกราว 20,000 ตัว กระเซ็นออกมาด้วยความเร็วสูงสุดถึง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยเมื่อไอ ละอองน้ำลายจะกระเซ็นไปได้ไกลถึง 6 เมตร และเมื่อจาม ละอองน้ำลายจะไปได้ไกลถึง 8 เมตร แถมละอองน้ำลายที่กระเซ็นออกมายังสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง 10 นาทีเลยทีเดียว
แม้ไวรัสที่ออกมาจะสัมผัสกับพื้นผิวแล้ว ก็ยังสามารถอยู่รอด และกลับมาลอยในอากาศได้อีกครั้ง อนุภาคของไวรัสนั้นสามารถมีชีวิตอยู่บนเหล็กได้นานหลายชั่วโมง และมีชีวิตอยู่บนพลาสติกได้นานหลายวัน เมื่อคนอื่นหายใจเอาไวรัสเหล่านั้นเข้าไป จึงอาจทำให้ติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่
ไอจาม แบบไม่ให้แพร่เชื้อโรค
การไอจามมักเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ทันระวังหรือไม่ทันตั้งตัว คุณจึงไม่ได้ป้องกัน และปล่อยให้เชื้อโรคจากตัวคุณ แพร่ไปสู่ผู้อื่นอีกหลายต่อหลายคน แต่คุณเองก็สามารถช่วยป้องกัน และลดการแพร่เชื้อโรคได้ง่ายๆ ด้วยการไอหรือจามอย่างถูกวิธี ดังนี้
- ไอหรือจามใส่กระดาษทิชชู่ และทิ้งลงถังขยะทันที
- ไอหรือจามใส่ข้อพับหรือแขนเสื้อท่อนบน เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับคนและสิ่งของอื่นๆ น้อยกว่ามือ แต่ไม่ควรใช้วิธีนี้ หากคุณต้องอุ้มเด็ก หรือหากเลี่ยงไม่ได้ ให้รีบใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทันที
- พยายามไม่ไอหรือจามใส่มือ เพราะมือเป็นอวัยวะส่วนที่สัมผัสกับคนหรือสิ่งของต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ควรรีบล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลล้างมืออนามัยทันที
- ไม่หันหน้าใส่ผู้อื่นขณะไอหรือจาม เพื่อลดโอกาสแพร่กระจายเชื้อโรค
หน้ากากอนามัย…ตัวช่วยดีๆ มีไว้ไม่เสียหาย
หากคุณอยากป้องกันการแพร่เชื้อโรค ที่เกิดขึ้นจากการไอหรือจาม หน้ากากอนามัยก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ ที่คุณควรพกติดกระเป๋าไว้
เมื่อไรที่ควรสวมหน้ากากอนามัย
- เมื่อคุณเป็นไข้
- เมื่อคุณไอหรือจาม
- เมื่อคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค เช่น โรงพยาบาล คลินิก
วิธีสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
- สวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก โดยให้ด้านที่มีโครงอยู่ข้างบน
- ดัดโครงหน้ากากอนามัยให้เข้ากับรูปจมูกของคุณ
- จับหน้ากากอนามัยส่วนบนไว้ แล้วดึงส่วนล่างให้ยืดออกไปครอบถึงใต้คาง
สวมหน้ากากอนามัยแล้ว อย่าลืมทำตามนี้…
- หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
- เปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ และไม่ใช้หน้ากากอนามัยซ้ำ
- หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ควรทิ้งหน้ากากอนามัยลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ถุงแล้วผูกปากถุงให้สนิทก่อนทิ้ง และอย่าลืมล้างมือทันทีหลังทิ้ง
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด