โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส (HIV) ที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการสัมผัสกับเลือดของผู้ติดเชื้อโดยตรง กลุ่มเสี่ยงโรคเอดส์อาจมีมากมาย เช่น กลุ่มผู้ที่ขายบริการทางเพศ ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ผู้ที่นิยมการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การศึกษาเกี่ยวกับกลุ่มเสี่ยงโรคเอดส์อาจช่วยให้สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่อาจนำไปสู่โรคเอดส์ได้
[embed-health-tool-ovulation]
กลุ่มเสี่ยงโรคเอดส์ มีใครบ้าง
ผู้ขายบริการทางเพศ
ผู้ชายบริการทางเพศ จัดเป็นกลุ่มผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ สูง เนื่องจากอาจมีพฤติกรรมทางเพศที่สุ่มเสี่ยง เช่น ไม่ใช้ถุงยางอนามัย มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน มีการใช้ยาเสพติด ยิ่งขายบริการทางเพศถี่เท่าไหร่ ความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
กลุ่มรักร่วมเพศ
กลุ่มรักร่วมเพศ โดยเฉพาะชายรักชาย และไบเซ็กชวล ก็ถือเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงสูงในการติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักถือเป็นรูปแบบของกิจกรรมทางเพศที่เสี่ยงแพร่เชื้อเอชไอวีมากที่สุด ยิ่งหากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักแบบไม่ป้องกัน ความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า หากเป็นฝ่ายรับ ความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีจากการสอดใส่ก็จะยิ่งสูงกว่าฝ่ายรุกถึง 13 เท่า
ผู้ติดยาเสพติดแบบใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นเลือด
ผู้ติดยาเสพติดที่ใช้เข็มฉีดยาเสพติดเข้าเส้นเลือดนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูงมาก เนื่องจากพวกเขาอาจใช้อุปกรณ์ฉีดยา เช่น เข็มฉีดยา กระบอกฉีด ร่วมกับผู้อื่นที่เสพยาด้วยกัน และอุปกรณ์เหล่านี้อาจมีเลือดติดอยู่ โดยเฉพาะบริเวณเข็มฉีดยา ฉะนั้น หากมีคนใดคนหนึ่งติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสก็สามารถส่งต่อผ่านเลือดไปยังผู้อื่นได้
นอกจากนี้ ยาเสพติดอาจเพิ่มความต้องการทางเพศ ทำให้ผู้ใช้ยาเสพติดมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมทางเพศแบบสุ่มเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์กับคนขายบริการทางเพศ หรืออาจกลายเป็นผู้ขายบริการทางเพศเสียเองเพื่อหาเงินซื้อยามาเสพ
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใช้ยาเสพติดมักเป็นคนวัยผู้ใหญ่ที่อายุยังน้อย โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ใหญ่ที่อายุยังน้อยมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีมากกว่า และปัจจัยทางสังคม เช่น หน้าตาทางสังคม อาจขัดขวางไม่ให้ผู้ติดยาเสพติดแบบใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นเลือดเข้ารับการช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น การตรวจหาเชื้อเอชไอวี การบำบัดอาการติดยา จึงทำให้สุขภาพยิ่งแย่ลงได้
ผู้ต้องขัง
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า กลุ่มนักโทษหรือผู้ต้องขังนั้นมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้น นั่นอาจเป็นผลมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องไวรัสเอชไอวี ทำให้ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีการป้องกันตัวเองในเรือนจำซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาต้องเผชิญกับพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง จึงติดเชื้อเอชไอวีในที่สุด
นอกจากนี้ การขาดบริการช่วยเหลือเรื่องโรคติดเชื้อเอชไอวี ยังทำให้กลุ่มเสี่ยงสูงในการติดเชื้อเอชไอวีอย่างกลุ่มผู้ต้องขังไม่สามารถรับการตรวจ หรือรับการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีได้ตั้งแต่ตรวจพบเชื้อเนิ่น ๆ จึงอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนหรือปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงขึ้น หรืออาจส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้ง่ายด้วย
ผู้ต้องขังบางคนอาจกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงไม่ยอมเปิดเผยว่าตัวเองเคยมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น การใช้ยาเสพติดโดยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน พวกเขาไม่ทราบว่าการติดเชื้อนั้นอันตรายกว่าการเสียชื่อเสียงมากนัก
ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์
ถึงแม้คนทุกเพศทุกวัย ทุกเชื้อชาติจะสามารถติดเชื้อเอชไอวีได้หมด แต่ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อเอชไอวีเผยว่า ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์นั้นมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้นมาก นั่นอาจเป็นเพราะชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์บางกลุ่มมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาศัยอยู่มาก ความเสี่ยงในการติดเชื้อจึงมากตาม และจำนวนของผู้ที่ติดเชื้อใหม่จึงอาจเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ สังคม เศรษฐกิจ และปัญหาประชากร เช่น ความเสื่อม รายได้น้อย การศึกษาไม่ดี การเลือกปฏิบัติ และระยะทางระหว่างบ้านและสถานบริการสุขภาพที่ไกลกันมาก ก็อาจมีผลต่อความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี และกีดกันพวกเขาจากการได้รับการดูแลรักษาโรคที่ถูกต้องเหมาะสมได้
ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม เริม ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีแผลเปิดที่อวัยวะเพศ เชื้อไวรัสเอชไอวีจึงอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลดังกล่าว และทำให้ติดเชื้อได้ อีกทั้งผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยาง มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้เช่นกัน