backup og meta

เอดส์ อาการ เริ่มต้น เป็นอย่างไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร

เอดส์ อาการ เริ่มต้น เป็นอย่างไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร

เอดส์ หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นอาการในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยผู้ป่วยจะมีเม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคที่ค่อนข้างรุนแรงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป รวมไปถึงมีการติดเชื้อฉวยโอกาสเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ อาการในระยะแรกหลังการติดเชื้อเอชไอวี ประกอบด้วย มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ซึ่งคล้ายกับอาการของโรคหวัด ทำให้ผู้ติดเชื้อหลายคนอาจไม่ระวังหรือสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี และไม่ไปพบคุณหมอตั้งแต่แรก ๆ กระทั่งติดเชื้อรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ในที่สุด

[embed-health-tool-ovulation]

เอดส์ คืออะไร

เอดส์ (Acquired Immunodeficiency Syndrome หรือ AIDS) หมายถึง อาการในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ซึ่งติดต่อผ่านเลือด การถ่ายเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยระหว่างมีเพศสัมพันธ์

ผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง หรือป่วยง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าในร่างกายถูกทำลายโดยเชื้อเอชไอวี ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มการติดเชื้อฉวยโอกาส

คนปกติจะมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ของจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีเซลล์ดังกล่าวประมาณ 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร

เอดส์ อาการ เริ่มต้น

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี จะแสดงอาการหลังได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์-2 เดือน โดยประกอบด้วย

  • เป็นไข้
  • ปวดหัว
  • อ่อนเพลีย
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • ผื่นขึ้น
  • ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
  • เจ็บคอ

เนื่องจากอาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกคล้ายคลึงกับอาการของโรคหวัด ผู้ติดเชื้อจำนวนมากจึงอาจไม่สนใจดูแลตนเองและมักไม่ไปพบคุณหมอ

นอกจากนั้น อาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์-1 เดือน และเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 จะค่อย ๆ ลดลง เพราะถูกไวรัสทำลาย

ในระยะที่ 2 นี้ ผู้ป่วยจะไม่พบอาการซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังติดเชื้ออยู่ แต่มีความเสี่ยงไม่สบายง่ายมากกว่าปกติ เนื่องจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แย่ลงทีละน้อย และ

การติดเชื้อระยะที่ 2 จะกินเวลานานกว่า 10 ปี หากไม่เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยเอชไอวีจะเข้าสู่อาการติดเชื้อในระยะสุดท้าย หรือที่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์

หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการรักษาทันเวลาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นหรือเข้าสู่ระยะที่ 2 และดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การติดเชื้อจะไม่แย่ลงจนกลายเป็นโรคเอดส์

ทั้งนี้ เอดส์ อาการเริ่มต้น จะมีภาวะที่บ่งบอกว่าร่างกายเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวีหรือกำลังป่วยเป็นโรคเอดส์ ดังนี้

  • ต่อมน้ำเหลืองบวมที่ลำคอหรือขาหนีบ
  • มีไข้อย่างต่อเนื่องเกินกว่า 10 วัน
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
  • มีจุดสีม่วงหรือสีคล้ำเป็นจ้ำ ๆ บนผิวหนัง
  • หายใจลำบาก
  • ท้องร่วงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
  • ติดเชื้อราในช่องปาก ลำคอ หรือช่องคลอด
  • มีรอยช้ำบนร่างกายโดยไม่รู้สาเหตุ
  • มีอาการผิดปกติทางระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ความจำเสื่อม สับสน ชัก การมองเห็นผิดปกติ

กลุ่มเสี่ยงเป็นเอสด์คือใครบ้าง

หากมีอาการที่บ่งบอกว่าอาจติดเชื้อเอชไอวี ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจและรักษาก่อนที่จะลุกลามไปสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวีหรือระยะโรคเอดส์โดยเฉพาะในกรณีของกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ได้แก่

  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • มีคู่นอนหลายคน
  • มีคู่นอนซึ่งติดเชื้อเอชไอวี
  • มีคู่นอนซึ่งมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
  • ใช้ยาเสพติดและใช้อุปกรณ์สำหรับเสพยา เช่น เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • ถูกข่มขืน
  • เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ่อย

การรักษา เอดส์ อาการ เริ่มต้น

ปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งยังไม่มียาสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ อย่างไรก็ตาม โรคเอชไอวีและโรคเอดส์สามารถควบคุมและจัดการได้

สำหรับผู้ติดเชื้อในระยะแรก คุณหมอจะจ่ายยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretroviral Drugs) ให้รับประทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหยุดการแบ่งตัวของไวรัสในร่างกาย ให้ระบบภูมิคุ้มกันได้รักษาตัวเอง และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ลดลง

ยาต้านรีโทรไวรัสที่คุณหมอจ่ายให้เป็นสูตรผสมของยาหลายชนิด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการออกฤทธิ์ต่อเชื้อเอชไอวี และป้องกันเชื้อโรคดื้อยาจากการรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง

โดยปกติ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ต้องรับประทานยาทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ในปริมาณ 1-4 เม็ดตามแต่สูตรที่คุณหมอจัดให้ ไม่ควรขาดยา หรือเปลี่ยนแปลงการรับประทานยาด้วยตนเอง

การดูแลตนเองของผู้ป่วยเอดส์ อาการเริ่มต้น

เพื่อป้องกันการเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี หรือระยะที่เป็นโรคเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรดูแลสุขภาพด้วยวิธีการต่อไปนี้ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมทั้งป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ เนื่องจากการออกกำลังกายทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ และช่วยให้หลับง่าย เพื่อร่างกายจะได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เพราะหากนอนไม่พออาจส่งผลให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์และสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และสังกะสี
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันคู่นอนติดเชื้อเอชไอวีและแพร่ไปสู่ผู้อื่น
  • รับประทานยาตามที่คุณหมอจ่ายให้อย่างสม่ำเสมอ และไปพบคุณหมอตามนัดเพื่อติดตามอาการทุกครั้ง
  • พยายามทำจิตใจให้ผ่องใส ใช้ชีวิตตามปกติให้ได้มากที่สุด และควรบอกคนรอบข้างให้รับทราบว่าติดเชื้อเอชไอวี เพื่อจะได้ช่วยดูแลและคอยสังเกตอาการ
  • หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับอาการติดเชื้อเอชไอวี ไม่แน่ใจ กังวลใจเกี่ยวกับภาวะสุขภาพกาย หรือภาวะสุขภาพจิต ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

HIV Symptoms. https://www.webmd.com/hiv-aids/understanding-aids-hiv-symptoms. Accessed March 14, 2022

Early HIV symptoms: What are they?. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hiv-aids/expert-answers/early-hiv-symptoms/faq-20058415. Accessed March 14, 2022

How Can You Tell If You Have HIV?. https://www.hiv.gov/hiv-basics/overview/about-hiv-and-aids/symptoms-of-hiv. Accessed March 14, 2022

How CD4 Counts Help Treat HIV and AIDS. https://www.webmd.com/hiv-aids/cd4-count-what-does-it-mean. Accessed March 14, 2022

โรคเอดส์ในเด็กและวัยรุ่น. https://www.pidst.or.th/A731.html. Accessed March 14, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/04/2023

เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคเอดส์ อาการ มีอะไรบ้าง

อาการของโรคเอดส์ สังเกตจากอะไร


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา