อาการไข่ดัน เป็นอาการบวมที่เกิดขึ้นบริเวณขาหนีบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท โดยทั่วไปสามารถรับมือได้ด้วยการรักษาตามสาเหตุและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงเยอะ ประคบผ้าห่อน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม โดยทั่วไปอาการไข่ดันมักจะดีขึ้นเอง แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมมากขึ้น ปวดจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
อาการไข่ดัน คืออะไร
ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระจายตัวอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ กกหู ด้านข้างของลำคอ ใต้รักแร้ ขาหนีบ ทำหน้าที่กรองน้ำเหลืองซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดพิเศษที่ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ โดยปกติแล้ว ขณะที่ต่อมน้ำเหลืองกำจัดสารพิษหรือเชื้อโรค การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบริเวณนั้นจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองขยายตัวอยู่ใต้ผิวหนังและอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบวมเล็กน้อยและไวต่อการสัมผัส แต่เมื่อต่อสู้กับเชื้อโรคเสร็จแล้ว ไม่นานต่อมน้ำเหลืองก็จะกลับสู่ขนาดปกติ
ที่บริเวณขาหนีบด้านในหรือโคนขาหนีบแต่ละข้างจะมีต่อมน้ำเหลืองประมาณ 10 ต่อม หากต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนี้ขยายตัวผิดปกติ อาจทำให้มีอาการบวมที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน หรือที่เรียกว่า อาการไข่ดัน โดยขนาดและรูปร่างที่เกิดขึ้นจะแตกต่างไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย แม้จะเรียกว่าไข่ดัน แต่อาการนี้ก็สามารถเกิดได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
สาเหตุของอาการไข่ดัน
สาเหตุของอาการไข่ดัน อาจมีดังนี้
สาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น
- การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
- โรคสังคัง (Jock Itch) เป็นโรคกลากบริเวณขาหนีบ เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่มเดอมาโทไฟต์ (Dermatophyte)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิส โรคหนองใน โรคเริม การติดเชื้อ HIV ในระยะโรคเอดส์
- โรคผิวหนังติดเชื้อ เช่น เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ (Cellulitis)
สาเหตุที่อาจพบได้น้อยกว่า เช่น
- โรคภูมิต้านเนื้อเยื่อตนเอง (Autoimmune Diseases) เช่น โรคลูปัส (Lupus) โรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis) โรคซาร์คอยด์โดสิส (Sarcoidosis) ภาวะข้ออักเสบ (Arthritis)
- การอักเสบในร่างกาย เช่น ภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema)
- โรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งผิวหนังที่ส่งผลต่อร่างกายส่วนล่าง โรคมะเร็งอัณฑะ โรคมะเร็งปากช่องคลอด (Vulvar Cancer)
- การใช้ยารักษาโรค เช่น ยาอัลโลพูรินอล (Allopurinol) ที่ใช้รักษาโรคเกาต์ ยาอะทีโนลอล (Atenolol) ยาไฮดราลาซีน (Hydralazine) ยาแคปโตพริล (Captopril) ที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง ยาคาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) ที่เป็นยากันชัก
นอกจากนี้ อาการไข่ดันยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ภาวะกระดูกเสียหาย ภาวะกระดูกหักล้า (การหักของกระดูกจากการใช้งานซ้ำ ๆ หรือออกกำลังกายหนักมาก) จากการวิ่งมาราธอน โรคนิ่วในไต ปัญหาเกี่ยวกับลูกอัณฑะ อาการเส้นประสาทถูกกดทับ โรคไซอาติก้า (Sciatica) ที่เกิดจากเส้นประสาทอักเสบจนเกิดอาการบวม รวมถึงต้องแยกกับโรคบางอย่างเช่นภาวะไส้เลื่อนเพราะมีอาการบวมในบริเวณเดียวกันได้
อาการไข่ดัน เป็นอย่างไร
อาการไข่ดัน อาจมีดังนี้
- เจ็บบริเวณขาหนีบ เนื่องจากกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเส้นเอ็นบริเวณนั้นขยายตัว
- อวัยวะเพศบวมหรือแดง
- ผิวหนังบริเวณขาหนีบหรืออวัยวะเพศแข็ง เมื่อกดแล้วไม่ยุบตัว
- ปวดบริเวณอวัยวะเพศ
อาการไข่ดัน รักษายังไง
การรักษาอาการไข่ดันอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- อาการไข่ดันจากการติดเชื้อไวรัส คุณหมออาจให้ยาต้านไวรัสหรือไม่จำเป็นต้องรับการรักษา จากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ ต่อมน้ำเหลืองอาจลดขนาดลงและอาการบวมบริเวณขาหนีบจะหายไปเอง
- อาการไข่ดันจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คุณหมออาจให้ยาปฏิชีวนะและยาต้านเชื้อราเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ
- อาการไข่ดันจากการใช้ยารักษาโรค คุณหมออาจแนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นที่ไม่ส่งผลข้างเคียงต่อต่อมน้ำเหลือง หรือปรับขนาดยาให้เหมาะสม ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ควรเปลี่ยนยาหรือปรับขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาคุณหมอก่อน
- อาการไข่ดันจากโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อตนเอง คุณหมอจะรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด การใช้ยาเพื่อควบคุมสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานใกล้เคียงปกติ
- อาการไข่ดันจากโรคมะเร็ง คุณหมอจะส่งต่อผู้ป่วยไปยังแผนกโรคมะเร็ง ซึ่งจะรักษาภาวะที่เป็นอยู่ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การผ่าตัด การฉายแสง การทำคีโม การใช้ยา
บางครั้งก็อาจไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของ อาการไข่ดัน ได้ คุณหมออาจแนะนำให้รอประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อรอดูว่าอาการที่พบจะหายไปเองได้หรือไม่
วิธีดูแลตัวเองเมื่อมี อาการไข่ดัน
ผู้ที่มีอาการไข่ดัน ควรดูแลตัวเองดังนี้
- หลีกเลี่ยงการก้มตัว โค้งตัว และการยกของหนัก ๆ ในช่วงที่มีอาการปวดบริเวณที่เป็นไข่ดัน
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้อาการปวดบวมแย่ลงหรือกลับมาเป็นซ้ำอีก
- แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากไปอีกอย่างน้อย 2-3 วัน
- ประคบบริเวณขาหนีบด้วยผ้าห่อน้ำแข็งครั้งละไม่เกิน 20 นาที ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง อาจช่วยบรรเทาอาการบวมและไม่สบายตัวได้
- หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงชั้นในหรือกางเกงที่รัดแน่นรอบ ๆ บริเวณที่บวมแดงหรือปวด
- หากอาการเจ็บไม่หายไปเอง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ แต่ควรไปพบคุณหมอหรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำในการดูแลรักษาที่เหมาะสม
วิธีป้องกันอาการไข่ดัน
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการไข่ดัน อาจทำได้ดังนี้
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน เพราะอาจเสี่ยงรับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอาการบวมบริเวณขาหนีบ
- เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรคหัด (Measles) โรคไอกรน (Pertussis) โรคบาดทะยัก (Tetanus) โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อตนเอง ควรปฏิบัติตนและรับประทานยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
- ดูแลสุขอนามัยของตัวเองอยู่เสมอ เช่น อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ล้างมือบ่อย ๆ ไม่สวมกางเกงชั้นในหรือกางเกงที่คับหรือรัดแน่นเกินไป จนที่ทำให้ขาหนีบอับชื้น เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่ผิวหนัง