เพศศึกษา หมายถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจและทำความรู้จักร่างกายตนเอง การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย การรักษาความสัมพันธ์กับคนรัก การปฏิบัติต่อบุคคลเพศตรงข้ามและเพศทางเลือก และอื่น ๆ
เพศศึกษา หมายถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจและทำความรู้จักร่างกายตนเอง การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย การรักษาความสัมพันธ์กับคนรัก การปฏิบัติต่อบุคคลเพศตรงข้ามและเพศทางเลือก และอื่น ๆ
นอกจากนี้ เพศศึกษายังอาจช่วยให้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศน้อยลง เช่น การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความรุนแรงทางเพศ ความเกลียดชังทางเพศ ทั้งนี้ เพศศึกษาไม่ได้หมายถึงการเรียนในห้องเรียนหรือสถานศึกษาเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศด้วยตนเอง การพูดคุยกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว และการถกเถียงทางสังคมอย่างเปิดกว้าง
เพศศึกษาหมายถึงการเรียนและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ การทำความรู้จักร่างกายตนเอง การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การมีเพศสัมพันธ์ เพศวิถี (Sexuality) รวมถึง บรรทัดฐานและค่านิยมเรื่องเพศ การแสดงความต้องการทางเพศ การปฏิบัติต่อคู่รัก การยอมรับผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่าง ปัญหาเรื่องเพศในสังคม ทั้งการเรียนในสถานศึกษา การพูดคุยกันในครอบครัว การสอดแทรกความรู้ทางสื่อต่าง ๆ การเปิดโอกาสให้คนในสังคมได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวาง
เพศศึกษามีความสำคัญต่อคนในสังคม โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนหรือวัยรุ่น เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสามารถแนะแนวและแนะนำให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องเพศได้อย่างถูกต้อง มีความรู้มากพอที่จะใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศและเพศวิถีได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเพื่อปกป้องผู้เรียนจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศต่าง ๆ หรือช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อาทิ
เพศศึกษาในโรงเรียน รวมถึงการเรียนรู้เรื่องเพศจากผู้ปกครองหรือสื่อต่าง ๆ มักเป็นการให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องเพศในประเด็นดังต่อไปนี้
ผู้ที่เรียนเกี่ยวกับเพศศึกษา มักมีความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายตนเองมากขึ้น รู้จักความต้องการของตนเอง เคารพสิทธิ์ในร่างกายของผู้อื่น เข้าใจความแตกต่างระหว่างเพศตรงข้ามและเพศวิถีอื่น รวมทั้งรู้จักวิธีป้องกันตนเองจากความเสี่ยงในเรื่องเพศ ระมัดระวังและรู้จักดูแลสุขอนามัยทางเพศ
นอกจากนั้น ในสังคมที่มีการเรียนและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพศศึกษาอย่างเสรีและเปิดกว้างด้วยวิธีการที่เหมาะสม มักช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม เช่น การจำกัดจำนวนคู่นอน การมีเพศสัมพันธ์โดยรู้จักวิธีคุมกำเนิดและวิธีป้องกันโรค ช่วยลดปัญหาสังคม ลดอัตราผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และลดอัตราการท้องที่ไม่พึงประสงค์
ในงานวิจัยหนึ่ง ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเพศศึกษาและการคุมกำเนิด ตีพิมพ์ในวารสาร Contraception ปี พ.ศ. 2560 นักวิจัยได้ศึกษากลุ่มตัวอย่างเพศหญิง จำนวน 5,445 คน และพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาเรื่องเพศมา มีแนวโน้มจะคุมกำเนิดด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง หรือวิธีที่คิดว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า เพศศึกษาช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้จริง
นอกจากนั้น ยูเนสโก (UNESCO) หรือองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ระบุโดยอ้างอิงจากหลักฐานชิ้นหนึ่งว่า การศึกษาเรื่องเพศ ไม่ว่านอกหรือในสถานศึกษา ต่างช่วยลดอัตราการมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยมีข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของเพศศึกษาดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
Duangkamon Junnet
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย