backup og meta

คลีนเซอร์ คือ อะไร มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

    คลีนเซอร์ คือ อะไร มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร

    คลีนเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและรูขุมขน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบโฟม เจล สบู่ เป็นต้น การใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว น้ำมัน สิ่งสกปรก ตลอดจนมลภาวะต่าง ๆ ได้ดีกว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ทั้งยังอาจช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ด้วย ทั้งนี้ ควรล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อช่วยให้ผิวหน้าสะอาดและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิว

    คลีนเซอร์ คือ อะไร

    Cleansers หรือ คลีนเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า มีด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น โฟมล้างหน้า สบู่ล้างหน้า เจลล้างหน้า คลีนเซอร์จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว น้ำมันส่วนเกิน ฝุ่น ตลอดจนสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนผิวหน้าได้ดีกว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ การใช้คลีนเซอร์ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้าและสามารถล้างออกได้ง่าย อาจช่วยลดปัญหาผิวแห้งตึง ช่วยปลอบประโลมผิวที่เป็นสิวและลดความรุนแรงหรือการลุกลามของสิว ทั้งยังลดความเสี่ยงของการเกิดสิวต่าง ๆ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวซีสต์ ได้

    คลีนเซอร์ ใช้ตอนไหน

    โดยทั่วไป ควรทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนเซอร์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน ขั้นตอนแรกให้ชโลมผิวหน้าให้เปียกหมาด จากนั้นผสมคลีนเซอร์กับน้ำบนฝ่ามือแล้วถูให้เกิดฟอง ชโลมฟองให้ทั่วใบหน้าแล้วถูเบา ๆ ประมาณ 10-20 วินาที โดยอาจล้างหน้าตามแนวรูขุมขนและระวังอย่าถูหน้าแรงจนเกินไป เสร็จแล้วจึงล้างคลีนเซอร์ออกด้วยน้ำสะอาดจนผิวหน้าสะอาดหมดจด ซับหน้าเบา ๆ ด้วยน้ำขนหนูสะอาดหรือกระดาษเช็ดหน้า แล้วบำรุงผิวหน้าขณะหน้ายังเปียกหมาด

    สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและทาครีมกันแดดควรทำความสะอาดหน้าด้วยคลีนซิ่ง (Cleansing) ก่อนใช้คลีนเซอร์ เพื่อช่วยป้องกันครีมกันแดด เครื่องสำอาง รวมถึงสิ่งสกปรกอื่น ๆ อุดตันรูขุมขนและนำไปสู่ปัญหาผิว เช่น การเกิดสิว

    ส่วนผสมที่ควรมีในคลีนเซอร์

    ตัวอย่างส่วนผสมที่ควรมีในคลีนเซอร์ เพื่อช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีดังนี้

    • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากชั้นผิวหนังกำพร้า ลดรอยแดงและอาการบวมจากการอักเสบ ช่วยลดการผลิตน้ำมันและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงลดความเสี่ยงในการเกิดสิวใหม่ และช่วยรักษาสิวที่เป็นอยู่แล้ว
    • เรตินอล (Retinol) คืออนุพันธ์วิตามินเอที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนและช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทั้งยังทำให้รูขุมขนดูตื้นขึ้น ทั้งนี้ คลีนเซอร์ที่มีส่วนประกอบของเรตินอลอาจไม่เหมาะกับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคือง
    • กรดไกลโคลิก (Glycolic acids) เป็นกรดผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มอัลฟาไฮดรอกซีหรือเอเอชเอ (Alphahydeoxy Acids หรือ AHAs) ช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้า ช่วยควบคุมความมันและลดการเกิดสิว และช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวใหม่ อาจช่วยรักษาสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอื่นๆ ที่เกิดจากรูขุมขุนอุดตันได้
    • กรดไฮยาลูรอนิค หรือไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติเป็นสารอุ้มน้ำ และช่วยยึดจับคอลลาเจน จึงอาจช่วกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ช่วยทำให้ผิวเต่งตึงและดูอิ่มน้ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว
    • เซราไมด์ (Ceramide) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรง ปกป้องผิวจากมลภาวะและสิ่งสกปรก ทั้งยังช่วยป้องกันผิวแห้ง

    อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อคลีนเซอร์ คือ การเลือกส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกคลีนเซอร์ที่มีส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเซราไมด์ กรดไฮยาลูโรนิก หรือกลีเซอรีน และควรหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้นอย่างซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก (Glycolic acid) สำหรับผู้ที่มีผิวมันและแพ้ได้ง่ายควรเลือกใช้คลีนเซอร์ในรูปแบบสบู่เหลวหรือเจลล้างหน้าที่มีฤทธิ์อ่อน และควรหลีกเลี่ยงการใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือเกิดอาการแพ้

    วิธีดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม

    วิธีดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม อาจทำได้ดังนี้

    • ใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง
    • ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ได้แก่ ในช่วงเช้าเพื่อขจัดความมันที่สะสมอยู่บนใบหน้าตลอดทั้งคืน และในช่วงก่อนนอนเพื่อขจัดมลภาวะ เครื่องสำอาง หรือครีมกันแดดที่สะสมอยู่บนใบหน้ามาตลอดทั้งวัน
    • ไม่บีบสิวหรือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้สิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคจากมือแพร่ไปสู่ใบหน้า จนทำให้รูขุขมขนอุดตัน อักเสบ และเกิดสิว และอาจทำให้สิวลุกลามได้
    • หลีกเลี่ยงการสครับผิวเพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง
    • หลังล้างหน้า ควรซับหน้าด้วยผ้าขนหนูสะอาดหรือกระดาษเช็ดหน้าอย่างเบามือพอให้หน้าเปียกหมาด จากนั้นทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว อาจช่วยให้ครีมซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
    • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงหน้า
    • ผู้ที่สวมแว่นตาหรือแว่นกันแดด ควรทำความสะอาดแว่นบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกและความมัน ที่อาจทำให้รูขุมขนบริเวณรอบดวงตาและจมูกอุดตัน
    • หากมีอาการแสบผิวหน้า หรือ มีผื่นที่หน้า ควรหยุดการล้างด้วยสบู่เข้มข้น หรือเช็ดหน้าแรง และงดแต่งหน้า เพื่อที่สามารถใช้สบู่อ่อนๆ หรือน้ำเปล่าในการล้างหน้าไปก่อนได้ แล้วควรพักหน้าทาครีมชุ่มชื้นบ่อยๆ หากอาการแสบแดงลอกไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาต่อไป

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา