ผิวเสียสมดุล เกิดได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น อายุที่เพิ่มมากขึ้น สภาพอากาศ มลภาวะ รวมถึงพฤติกรรมไม่ดูแลผิว หรือดูแลผิวไม่ถูกวิธี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ผิวเสียสมดุลแล้ว ยังอาจทำให้ผิวแห้ง เกิดสิว เกิดปัญหารูขุมขนกว้าง แต่ปัญหาเหล่านี้อาจแก้ไขได้ด้วยการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงการดูแลรักษาค่า pH ให้สมดุล ด้วยการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ รวมถึงวิธีอื่น ๆ
ค่า pH Balance ของผิว คืออะไร
ค่า pH Balance คือ ความสมดุลของค่าความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งแบ่งเป็นระดับตั้งแต่ 0-14 และมีค่าเป็นกลางอยู่ที่ระดับ 7 หากค่า pH ต่ำกว่า 7 เท่ากับเป็นกรด หากระดับยิ่งต่ำ ค่าความเป็นกรดยิ่งสูง แต่ถ้าค่า pH สูงกว่า 7 เท่ากับเป็นด่าง ระดับยิ่งสูง ค่าความเป็นด่างก็ยิ่งสูงตามไปด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ค่าความเป็นกลางของสิ่งต่าง ๆ จะอยู่ที่ระดับ 7 แต่หากเป็นผิวหนัง ค่า pH ตามธรรมชาติของผิวนั้นกลับมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ คือ อยู่ประมาณ 4-6 ไม่เกิน 7 และผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Cosmetic Science ระบุว่า ค่า pH ของผิวที่เหมาะสมที่สุดนั้น ควรต่ำกว่าระดับ 5
แต่ค่า pH ของผิวนั้นไม่ได้อยู่ที่ระดับ 4-6 มาตั้งแต่แรก ในตอนแรกเกิด ผิวมีค่า pH ค่อนข้างสูง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณระดับ 7 แต่เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่า pH ของผิวก็จะลดลง จนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ค่า pH โดยเฉลี่ยจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณระดับ 5.7
ค่า pH หรือค่า pH Balance ของผิวนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละส่วนของร่างกาย หากเป็นบริเวณในร่มผ้า เช่น ก้น รักแร้ อวัยวะเพศ มักจะมีค่า pH เป็นกรดอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ ผิดกับบริเวณนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าอก มือ ที่จะมีค่าความเป็นด่างมากกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผิวหนังบริเวณนอกร่มผ้ามีโอกาสสัมผัสกับสาเหตุที่ทำให้ผิวเสียสมดุลมากกว่านั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้ ผิวเสียสมดุล
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผิวเสียสมดุล อาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้
- สิว
- เหงื่อ
- น้ำประปา
- มลพิษทางอากาศ
- ผลิตภัณฑ์ยับยั้งแบคทีเรีย เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ
- ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและระดับความชื้น
- เครื่องสำอาง
- ผลิตภัณฑ์ซักผ้า
- การสัมผัสแสงแดดมากเกินไป
- การล้างหน้าบ่อยเกินไป
สิ่งที่บ่งบอกผิวเสียสมดุล
หากอยากรู้ว่าผิวเสียสมดุลหรือไม่ อาจงเกตเบื้องต้นเองได้ง่าย ๆ ถ้าผิวนุ่ม ยืดหยุ่นดี ไม่มีจุดที่แห้งหรือลอก นั่นหมายถึง ผิวมีความสมดุลดี สุขภาพผิวแข็งแรง หากผิวแห้ง ลอกเป็นขุย ระคายเคืองง่าย มีริ้วรอย รอยตีนกา หรือร่องรอยการถูกทำลายจากแสงแดด เช่น ฝ้า กระ นั่นอาจหมายถึง ผิวมีสภาพเป็นด่างมากเกินไป หรือหากผิวบวม อักเสบ แดง เป็นสิวง่าย อาจหมายถึง ผิวมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป
หากอยากให้แน่ใจ อาจสามารถเข้ารับการตรวจค่า pH ของผิวกับผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังได้ หากผลการตรวจสอบออกมาว่าผิวเสียสมดุล ผู้เชี่ยวชาญจะได้แนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยแก้ปัญหาผิว ช่วยในการ ปรับสมดุลผิว และเหมาะกับสภาพผิวให้
วิธีคืนสมดุลให้ผิว
สำหรับวิธีคืนสมดุลให้ผิว และรักษาค่า pH ของผิวให้สมดุลต่อไปได้ ด้วยวิธีการง่าย ๆ เหล่านี้
ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน
แม้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและน้ำนั้นสัมผัสกับผิวหน้าแค่ชั่วครู่ แต่ความจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและคุณภาพของน้ำ ก็มีส่วนทำให้ผิวเสียสมดุลได้เช่นกัน หากอยากให้ค่า pH ของผิวสมดุลดี ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน หากมีสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เป็นกรดหน่อย ๆ และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นด่างมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง เว้นแต่ว่าจะมีปัญหาผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นด่างหน่อย จะดีต่อผิวมากกว่า
เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์
โทนเนอร์นอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวได้ดีขึ้น เผื่อเวลาที่ล้างหน้าไม่สะอาดแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลผิวได้ด้วย
บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
หลังจากเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์แล้ว ไม่ว่าจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย ก็ต้องบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้กันหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเซรั่ม ครีม อีมัลชั่น น้ำมัน เป็นต้น และถ้าจะให้ดี ควรเปลี่ยนครีมบำรุงผิวตามสภาพอากาศหรือสภาพผิวด้วย
ปรับสมดุลผิวด้วยการสครับผิว
การสครับผิวหรือการขัดผิวเป็นประจำ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์สครับผิวที่อ่อนโยนต่อผิว หรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และช่วยเผยผิวใหม่ที่มีสภาพดีและมีค่า pH สมดุลขึ้นได้ หากอยากสครับผิวหรือผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ อาจขอคำปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะอาจทำให้ผิวหนังบางลงและไวต่อแสงแดด แทนที่จะเป็นการคืนสมดุลให้ผิว อาจทำให้ผิวยิ่งเสียสมดุล ปัญหาผิว เช่น สิว ฝ้า ริ้วรอย รุนแรงกว่าเดิมได้
[embed-health-tool-heart-rate]