backup og meta

3 วิธีในการลดรอยแดงจากสิว

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 02/05/2022

    3 วิธีในการลดรอยแดงจากสิว

    รอยแดงจากสิว เกิดขึ้นเนื่องจากการอักเสบของสิวที่เข้าทำลายเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ภายใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดรอยแดง หลุมสิว และรอยแผลเป็นจากสิว วิธีในการช่วยลดรอยแดงจากสิวหลัก ๆ จึงมุ่งเน้นไปที่การช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า รวมถึงการใช้ยาสำหรับรักษารอยแดงสิวโดยเฉพาะ

    วิธีในการลดรอยแดงจากสิว

    1. การใช้ยา 

    สิวนั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น แต่ปัญหา รอยแดงจากสิว ที่หลงเหลืออยู่ อาจจะตามมาหลอกหลอน แม้ว่าจะมีอายุที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม สิวนั้นมักจะทำให้เกิดอาการเจ็บ บวม แดง และเป็นหนอง แม้ว่าอาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับสิวเหล่านี้จะหายไปพร้อมกับสิวก็ตาม แต่ก็มักจะหลงเหลือรอยแดง และรอยแผลเป็นให้ยังคงอยู่ แม้ว่าสิวจะหายไป

    แพทย์ผิวหนัง มักจะทำการแนะนำใช้ยาแต้มสิว และยารักษาสิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อทำการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว หรือการใช้ยาที่ช่วยปรับสภาพผิว ให้กลับมาคงเดิม และเมื่อมีสิวน้อยลง ก็หมายความว่า รอยแดงจากสิว ก็จะลดน้อยลงด้วยเช่นกัน

    ยาปฏิชีวนะที่แพทย์แนะนำ อาจมีทั้งรูปแบบของยาทา และยารับประทาน โดยยาทานั้นจะทำการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ในบริเวณที่เราทายา ส่วนยาสำหรับรับประทานนั้นจะส่งผลต่อรูขุมขน บางครั้งแพทย์อาจสั่งให้ใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับเรตินอยด์ (Retinoid) หรือ เบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เพื่อช่วยให้อาการสิวดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการดื้อยาปฏิชีวนะ

    2. การผลัดผิวโดยวิธี Dermabrasion

    วิธีการนี้เป็นวิธีการลด รอยแดงจากสิว ด้วยการผลัดเซลล์ผิวที่ลึกลงไปถึงผิวชั้นหนักแท้ เพื่อรักษาอาการสีผิวที่ไม่เรียบเนียน ไม่สม่ำเสมอ หรือลักษณะผิวที่ผิดปกติ โดยแพทย์จะใช้แปรงที่มีลวดหรือลูกกลิ้งเข็ม กลิ้งลงไปบนผิวหนังชั้นนอก ส่วนที่ต้องการรักษา ทำให้เซลล์ผิวหนังหลุดออกมา และทำให้เซลล์ผิวที่เรียบเนียน สร้างใหม่ขึ้นมาในภายใน 5-7 วันให้หลัง และผิวหนังชั้นใหม่นี้อาจต้องใช้เวลาในการปรับสภาพสีผิว ให้กลับไปเหมือนกับผิวปกติ นานถึง 6-12 สัปดาห์ ในช่วงระหว่างนี้ ผิวบริเวณนั้นจะบอบบางเป็นพิเศษ

    ควรดูแลรักษาผิวหน้าเป็นพิเศษดังต่อไปนี้

  • รักษาความสะอาดของผิวหน้า โดยการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมและอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้
  • เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน เพื่อรักษาแผลให้สะอาด และรักษาความชุ่มชื่นของผิว ทำให้ผิวหายได้ดีกว่า
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากผิวที่สร้างใหม่นี้จะบอบบางต่อแสงแดดมากเป็นพิเศษ ควรทาครีมกันแดด สวมหมวกป้องกัน และพยายามให้โดนแดดน้อยที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนัง
  • 3. เลเซอร์ผิวหนัง

    การทำเลเซอร์เพื่อความสวยความงามนั้นได้รับความนิยมกับเป็นอย่างมากในปัจจุบัน การทำเลเซอร์ผิวหนัง จะเป็นการกำจัดผิวชั้นนอกของผิวหนังออกไป จึงสามารถช่วยลด รอยแดงจากสิว ได้ การรักษาโดยการทำเลเซอร์นี้จะใช้เวลาทำประมาณ 2 ชั่วโมง และผิวจะใช้เวลาในการฟื้นฟูประมาณ 10-20 วัน หลังจากนั้น  2-3 เดือน รอยแงก็จะหายไปเกือบหมด

    ก่อนการรักษา ห้ามรับประทานยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน หรือวิตามินอีเป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ หลังจากการรักษาแล้ว ควรปกป้องผิวให้มิดชิด หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง ๆ พยายามสวมหมวกปกป้องใบหน้า และรักษาความชุ่มชื่นของใบหน้า เพื่อช่วยในการกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังให้กลับมาดีดังเดิม

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 02/05/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา