สิวผด เป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นตามบริเวณใบหน้า หน้าอก แผ่นหลัง ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความร้อน การแพ้เหงื่อ เชื้อแบคทีเรีย รา บางชนิด รวมถึงไขมันส่วนเกิน ทั้งนี้ สิวผด รักษา ได้หลายวิธี เช่น การทายา การรับประทานยาปฏิชีวนะ การประคบเย็น รวมทั้งสามารถดูแลตนเองง่าย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดสิวผด
[embed-health-tool-bmr]
สิวผด คืออะไร
สิวผดเป็นปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่ง มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2-4 มิลลิเมตร และมักเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นจำนวนมาก
โดยทั่วไป สิวผดมักขึ้นตามหน้าผาก คาง รวมถึงบริเวณผิวหนังที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและความอับชื้นหมักหมมของเหงื่อและเชื้อโรค เช่น ใบหน้าหน้าอก แผ่นหลัง
สิวผด เกิดจากอะไร
สาเหตุหลักของสิวผด คือ ความร้อนและแสงแดดซึ่งทำให้ร่างกายมีเหงื่อออกมากจนผิวหนังไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมด ส่งผลให้เกิดการอุดตันรูขุมขนจนเป็นตุ่มสิวเล็ก ๆไม่มีหนองหรือหัวสิว
สิวผดมักผุดขึ้นตามผิวหนังหลังจากโดนแสงแดดเป็นเวลานาน หรือในช่วงที่อากาศร้อนจัด โดยจะปรากฏขึ้นตามผิวหนังหลังออกแดดไปแล้วประมาณ 24-72 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม สิวผดสามารถหายเองได้ แต่อาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์ มักไม่ค่อยทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ยกเว้นในกรณีที่ผู้เป็นสิวผด แคะ แกะ หรือเกา จนเม็ดสิวติดเชื้อและเกิดการอักเสบ
ทั้งนี้ สิวผดยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้ เช่น
- การแพ้สารประกอบในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ เครื่องสำอาง ครีมกันแดด น้ำหอม รวมถึงการทำปฏิกิริยาของเครื่องสำอางหรือครีมกันแดดกับผิวหนัง เมื่อสัมผัสโดนแสงแดด (Photo Allergic Reaction)
- การทำความสะอาดใบหน้าผิดวิธี อย่างการล้างหน้าบ่อย ๆ รวมถึงการเช็ดหน้าอย่างรุนแรง สามารถทำให้ใบหน้าระคายเคืองและเป็นสิวผดได้
- เชื้อราพิไทโรสโพรัมโอวาเล (Pityrosporum Ovale) ซึ่งพบได้ทั่วไปบนผิวหนังมนุษย์ เมื่ออากาศร้อนจัด เชื้อรานี้จะเพิ่มจำนวน เนื่องจากไขมันบนใบหน้าที่หลั่งออกมาเยอะ ทำให้เกิดสิวผด และอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้
- การแพ้มลภาวะต่าง ๆ เช่น น้ำ ฝุ่น ควันพิษ
- ร่างกายมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เมื่อผิวหนังสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้อาจก่อให้เกิดสิวผดได้
- พันธุกรรม หากสมาชิกในบ้านมีประวัติเกิดสิวผด มีแนวโน้มที่คนอื่น ๆ ในบ้านจะเกิดสิวผดได้
- ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวผดได้ เนื่องจากอาจทำให้ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง
สิวผด รักษา อย่างไร
สิวผด รักษา ได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
- ยาปฏิชีวนะสำหรับทาภายนอก เช่น ยาทากลุ่มวิตามิน A ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการก่อตัวของสิว รวมถึงลดอาการบวมและอักเสบที่ผิวหนัง ลดจำนวนสิวผด เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไม่ให้อุดตันรูขุมขนหรือต่อมเหงื่ออันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวผด
- สารสกัดจากคาโมมายล์ ช่วยลดการระคายเคืองหรืออักเสบของสิวผด รวมทั้งป้องกันการอุดตันของผิวหนัง บริเวณต่อมเหงื่อและรูขุมขน
- ยาแก้แพ้ เป็นวิธีบรรเทาอาการคันซึ่งบางครั้งเกิดพร้อมกับสิวผด
- ประคบเย็น สามารถช่วยลดอาการบวมแดงบริเวณผิวหนังที่เป็นสิวผดได้
นอกจากนี้ เมื่อเป็นสิวผดแล้ว ไม่ควรเกาหรือบีบเม็ดสิว เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม และเสี่ยงติดเชื้อได้
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การรักษาและป้องกันสิวผดให้ได้ผล ควรปฏิบัติร่วมกับการดูแลตัวเอง ตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีโอกาสสัมผัสกับแสงแดด เช่น ใบหน้า ลำคอ แขน ขา โดยครีมกันแดดควรมีค่า SPF 30 ขึ้นไป นอกจากนี้ หากกังวลว่าจะมีอาการแพ้ หรือเกิดการอุดตันรูขุมขน อาจใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติปราศจากสารเคมี เนื้อบางเบา ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- หลีกเลี่ยงการออกแดดเป็นเวลานาน และหากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม ใส่ผ้าคลุมศีรษะ สวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดแผดเผาผิวหนังและกระตุ้นให้เหงื่อออกจำนวนมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็นสิวผด
- ทำความสะอาดใบหน้าและร่างกายอย่างถูกวิธี ล้างหน้าและอาบน้ำด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว นอกจากนี้ ควรค่อย ๆ ซับผิวหนังให้แห้งอย่างเบามือ เพื่อป้องกันผิวระคายเคืองอันเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดสิวผดได้