แผลพุพองส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเด็กเป็นแผลพุพองควรพาไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจช่วยลดระยะเวลาการติดเชื้อให้เหลือประมาณ 7-10 วัน และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้ ทั้งนี้ หากการติดเชื้อแผลพุพองเกิดจากปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคอีสุกอีใส อาจต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อให้หายด้วย เพื่อป้องกันการเกิดแผลพุพองซ้ำ
การรักษาโรคแผลพุพองโดยทั่วไป อาจทำได้ด้วยการใช้ยาดังต่อไปนี้
- ยาปฏิชีวนะชนิดครีม เช่น กรดฟิวซิดิกชนิดใช้กับผิวหนัง (Topical fusidic acid) ยามิวพิโรซิน (Mupirocin) เหมาะกับแผลพุพองที่ไม่รุนแรง ใช้ทาประมาณ 3-4 ครั้ง/วันติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนทาครีมควรทำความสะอาดบริเวณแผลและสะเก็ดแผลที่ติดเชื้อด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ จากนั้นซับเบา ๆ ให้แผลแห้ง และควรล้างมือให้สะอาดทันทีหลังสัมผัสแผล เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อไปยังบริเวณผิวหนังอื่น หากทายาแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาคุณหมอผิวหนังหรือเภสัชกรเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาอื่น ๆ
- ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) อย่างยาไดคลอกซาซิลลิน (Dicloxacillin) ยาฟลูคลอกซาซิลลิน (Flucloxacillin) มักใช้เมื่อแผลพุพองรุนแรงและแพร่กระจายไปหลายที่ หรือเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะชนิดครีมแล้วอาการไม่ดีขึ้น โดยทั่วไป ควรรับประทานยาประมาณ 2-4 ครั้ง/วันติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจนหมด แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะเชื้อดื้อยา หากรับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาคุณหมอผิวหนังหรือเภสัชกรเพิ่มเติม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย