ปากนกกระจอก เกิดจาก ภาวะอักเสบบริเวณมุมริมฝีปากจากการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ปัญหาผิวหนังที่มีอยู่เดิม การขาดสารอาหารบางชนิด เป็นต้น ทำให้มีแผลเปื่อย บวม อาจพบที่มุมปากทั้ง 2 มุม หรือมุมเดียวก็ได้ หากรักษาด้วยการใช้ยาหรือการดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ทุเลาลง หรือเป็นปากนกกระจอกบ่อยครั้ง ควรไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อลดความไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
[embed-health-tool-bmi]
ปากนกกระจอก คืออะไร
ปากนกกระจอก คือ ภาวะอักเสบบริเวณมุมปากที่เกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการสะสมของน้ำลายบริเวณมุมปาก เมื่อน้ำลายแห้งแล้วก็จะทำให้ผิวหนังแห้งแตก และเมื่อมุมปากแตกคนส่วนใหญ่มักเลียริมฝีปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น จนอาจทำให้ผิวหนังบริเวณมุมปากติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย และเกิดอาการเจ็บแสบ บวม หรือตึง กลายเป็นแผลเปื่อยบริเวณที่มุมปาก ซึ่งอาจเป็นแผลมุมปากทั้งสองข้าง หรือ แผลมุมปากข้างเดียว
ปากนกกระจอก ติดต่อไหม
ปากนกกระจอกไม่ใช่โรคติดต่อ แต่อาจสร้างความเจ็บปวด ทำให้รู้สึกรำคาญ เป็นกังวล กระทบต่อการรับประทานอาหารและการพูดคุยกับผู้อื่น จึงจำเป็นต้องรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อลดปัญหาดังกล่าวและไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก
ปากนกกระจอก เกิดจาก สาเหตุใด
ปากนกกระจอก อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย ที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้อราที่มีชื่อว่าเชื้อแคนดิดา (Candida) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อม ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปากนกกระจอก
- เลียปากบ่อยหรือนอนน้ำลายไหล น้ำลายที่แห้งหมักหมมบริเวณมุมปากจากการเลียปากเป็นประจำหรือนอนแล้วน้ำลายไหลโดนมุมปาก อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณมุมปากแห้งแตก อีกทั้งความชื้นและอุ่นของน้ำลายยังอาจทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี
- ขาดวิตามินบี 2 วิตามินบี 2 เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึมต่าง ๆ และบำรุงรักษาเนื้อเยื่อผิวหนัง การขาดวิตามินบี 2 จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปากนกกระจอกได้
- มีรูปปากผิดปกติ เช่น ผู้ที่ริมฝีปากบนยื่นออกมาทำให้เกิดร่องลึก ผู้สูงอายุที่ฟันหักหรือไม่มีฟัน ทำให้มีจุดอับชื้นที่มุมปาก เมื่อสัมผัสกับเหงื่อและน้ำลายอาจทำให้ติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียได้
- ผิวหนังติดเชื้อ เช่น โรคพุพองหรือแผลพุพอง (Impetigo) โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคริมฝีปากอักเสบ (Cheilitis) โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) อาจทำให้เกิดปากนกกระจอกได้
ปากนกกระจอก อาการ เป็นอย่างไร
ปากนกกระจอก อาจมีอาการดังนี้
- ระคายเคืองบริเวณมุมปาก รู้สึกแสบร้อน อาจเกิดที่มุมปากข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างก็ได้
- ผิวหนังกำพร้าบริเวณมุมปากแห้งแตก เป็นขุยหลุดลอก
- มีแผลช้ำเลือด บวมแดง และอาจรู้สึกตึงปาก
- เป็นสะเก็ดแผลที่มุมปาก
- มีอาการคัน
ปากนกกระจอก รักษาอย่างไร
ปากนกกระจอก อาจรักษาได้ด้วยการลดอาการติดเชื้อบริเวณมุมปาก และต้องดูแลให้มุมปากแห้งอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยารักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ดังต่อไปนี้
การรักษาด้วยยาต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย
- ปากนกกระจอกจากการติดเชื้อรา คุณหมออาจให้ใช้ยาต้านเชื้อราที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบนผิวหนัง เช่น ยาไนสแตติน (Nystatin) ยาคีโตโคนาโซล ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ยาไมโคนาโซล (Miconazole)
- ปากนกกระจอกจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คุณหมออาจให้ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น ยามิวพิโรซิน (Mupirocin) กรดฟิวซิดิก (Fusidic Acid)
การรักษาด้วยวิธีอื่น
- ในกรณีที่ปากนกกระจอกไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย คุณหมออาจแนะนำให้ทาปิโตรเลียมเจลลี่ วาสลีน หรือยาสเตียรอยด์ชนิดทา ในบริเวณที่อักเสบ เพื่อช่วยต้านการอักเสบและป้องกันไม่ให้มุมปากชื้นเกินไป ช่วยให้แผลหายและอาการบรรเทาลงได้
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร อาจเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินบี เพื่อลดปัญหาปากนกกระจอกที่มีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหาร
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปากนกกระจอก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และสารที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง
- ดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ และไม่แห้งลอก
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและดื่มน้ำมาก ๆ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย
- รักษาความสะอาดบริเวณช่องปากเป็นประจำ
- แปรงฟัน บ้วนปาก และใช้ไหมขัดฟัน หลังรับประทานอาหาร
- ซับมุมปากให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อลดการหมักหมมของคราบสกปรกที่จุดอับชื้นบริเวณมุมปาก
- ไม่ใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุการใช้งาน เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย