หัดกุหลาบ หรือที่เรียกว่า ผื่นกุหลาบ หรือส่าไข้ (Pityriasis rosea) คือ โรคผิวหนังชนิดไม่ติดต่อที่ทำให้เกิดผื่นสีแดงหรือสีชมพูอ่อน คล้ายสีของดอกกุหลาบ กระจายบนผิวหนังบริเวณใบหน้า หน้าอก หน้าท้อง แผ่นหลัง สาเหตุของโรคยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด เช่น ไวรัสเริมบางสายพันธุ์ โรคนี้มักเกิดในหน้าฝน พบได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในคนอายุ 10-35 ปี การดูแลตัวเองด้วยการใช้ยาแก้คัน ยาแก้แพ้ ร่วมกับการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น อาจช่วยให้หัดกุหลาบหายเร็วขึ้น โดยทั่วไป อาการของหัดกุหลาบมักหายไปเองภายใน 10 สัปดาห์ และมักจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmr]
สาเหตุของ หัดกุหลาบ
สาเหตุของโรคหัดกุหลาบ อาจมีดังนี้
- การติดเชื้อไวรัส (Viral infections) การติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์หรือเอชพีวีชนิดที่ 6 และชนิดที่ 7 รวมไปถึงโรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 (H1N1 influenza A) โรคโควิด-19 (COVID-19) อาจทำให้เกิดหัดกุหลาบได้
- การตอบสนองต่อยาหรือการแพ้ยา ร่างกายอาจแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อยาหรือมีอาการแพ้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาลดความดันโลหิต (ACE inhibitor) ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาไฮโดรคลอโรไทอาไซด์ (Hydrochlorothiazide) ยาแคปโตพริล (Captopril) ยาโคลนิดีน (Clonidine) ยาไอโซเตรทติโนอิน (Isotretinoin) จนทำให้เกิดผื่นคันบนผิวหนัง
- การฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีนโควิด-19 วัคซีนนิวโมคอคคัส (Streptococcus) วัคซีนคอตีบ วัคซีนฝีดาษ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนบีซีจี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้เกิดหัดกุหลาบได้
ปัจจัยเสี่ยงของหัดกุหลาบ อาจมีดังต่อไปนี้
- พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- พบบ่อยในคนอายุ 10-35 ปี
- มักเกิดในฤดูฝนที่อากาศเปลี่ยนแปลง จนอาจทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
หัดกุหลาบ อาการ เป็นอย่างไร
อาการของหัดกุหลาบ อาจแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 หัดกุหลาบในระยะเริ่มต้นอาจมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นไข้ เจ็บคอ หลังจากนั้นผิวหนังจะเริ่มตกสะเก็ด เกิดเป็นผื่นขุยบาง ๆ สีแดง สีชมพู หรือสีส้ม ลักษณะเป็นวงรีหรือวงกลม อาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 10 เซนติเมตร ส่วนใหญ่มักพบที่บริเวณใบหน้า หน้าอก หน้าท้อง แผ่นหลัง
- ระยะที่ 2 หลังผิวหนังตกสะเก็ดประมาณ 2-3 วัน อาจสังเกตเห็นตุ่มเล็ก ๆ หรือผื่นคันที่มีสีแดงหรือชมพูอ่อนจาง ๆ แพร่กระจายเป็นวงกว้างบริเวณใบหน้า หน้าอก หน้าท้อง แผ่นหลัง
วิธีรักษา หัดกุหลาบ
การรักษาหัดกุหลาบจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการที่เกิดขึ้น เช่น ผิวแห้งลอกเป็นขุย อาการคัน โดยทั่วไป อาการของหัดกุหลาบมักหายได้ภายใน 8-10 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม วิธีการต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการเมื่อเป็นหัดกุหลาบได้
- การใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamine) เช่น ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ยาเซทิริซีน (Cetirizine)
- การใช้ยาแก้คัน เช่น ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ โลชั่นคาลาไมน์ (Calamine lotion)
- การรักษาด้วยการส่องไฟ (Phototherapy) แสงอัลตราไวโอเลตอย่างยูวีบี อาจช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคืองผิวได้
- การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ อาจช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่แห้งกร้าน ลดอาการคันและระคายเคือง
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นหัดกุหลาบ
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นหัดกุหลาบ อาจมีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนอบอ้าว เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- อาบน้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนขณะเป็นหัดกุหลาบ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารที่อาจระคายเคืองผิว
- สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้าบางเบาและไม่รัดแน่นจนเกินไป
- หลังจากอาบน้ำเสร็จ ควรซับผิวให้เปียกหมาดแล้วทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคืองผิวเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
- งดการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือทำให้เหงื่อออกมาก