เกลื้อนเกิดจากอะไร? เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia) โดยทั่วไป เกลื้อนพบบ่อยในผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตร้อน โดยเฉพาะวัยรุ่น และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาการของผู้ที่เป็นเกลื้อน คือ ผิวหนังเป็นจุดหรือปื้นที่มีสีอ่อนหรือเข้มกว่าผิวหนังส่วนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เกลื้อนไม่ใช่โรคอันตรายแต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เมื่อเป็นเกลื้อน ควรไปพบคุณหมอหรือเภสัชกรเพื่อรับยาต้านเชื้อรา ซึ่งมีทั้งชนิดเม็ดสำหรับรับประทาน ยาน้ำ ครีม และแชมพูสำหรับใช้ภายนอก
[embed-health-tool-bmi]
เกลื้อนเกิดจากอะไร
เกลื้อน เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มมาลาสซีเซียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของมนุษย์โดยบริโภคไขมันในรูขุมขนเป็นอาหาร
โดยปกติ เชื้อราชนิดนี้จะไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ ยกเว้นหากเพิ่มจำนวนมากผิดปกติ เนื่องจากมีปัจจัยไปกระตุ้น เช่น
- ผิวหนังผลิตน้ำมันในปริมาณมาก
- สภาพอากาศร้อนชื้น
- การมีเหงื่อออกมาก
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
นอกจากนี้ เกลื้อนแตกต่างจากกลาก เพราะกลากเกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มเดอมาโทไฟท์ (Dermatophytes) ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับเชื้อรามาลาสซีเซียที่เป็นสาเหตุของเกลื้อน
ทั้งนี้ เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในพื้นที่เขตร้อน หรือในช่วงฤดูร้อน และพบมากในวัยรุ่นเพราะเป็นวัยที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกทางผิวหนังมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
นอกจากนี้ เกลื้อนยังอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งอาจพบได้ในผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันมักอ่อนแอกว่าคนทั่วไป
เกลื้อน มีอาการอย่างไร
เมื่อป่วยเป็นโรคเกลื้อน ผิวหนังจะมีจุดหรือปื้นสีอ่อนหรือเข้มกว่าผิวหนังส่วนอื่น ๆ รวมถึงเกิดอาการคันและผิวลอก แห้งเป็นขุย
ทั้งนี้ โรคที่มีอาการคล้ายกับเกลื้อนคือโรคด่างขาว ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติจนทำให้เม็ดสีผิวมีจำนวนน้อยกว่าปกติ และโรคผื่นกุหลาบ ซึ่งยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด
หากสังเกตว่าตัวเองมีอาการคล้ายกับโรคเกลื้อน ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจและวินิจฉัย โดยคุณหมออาจสำรวจผิวหนังบริเวณที่เป็นด้วยตาเปล่าหรือขูดผิวหนังบางส่วนไปตรวจการติดเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์
เกลื้อน รักษาได้หรือไม่
เกลื้อนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการทาครีมหรือยาสำหรับใช้ภายนอก ทั้งนี้ เมื่อไปพบคุณหมอหรือเภสัชกร อาจได้รับยาต้านเชื้อราต่าง ๆ ดังนี้
- คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ในรูปแบบของครีม เจล หรือแชมพู
- ไซโคลพิรอกซ์ (Ciclopirox) ในรูปแบบของครีม เจล หรือแชมพู
- ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ในรูปแบบยาเม็ดหรือยาน้ำสำหรับรับประทาน
- ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) ในรูปแบบยาเม็ด แคปซูล หรือยาน้ำสำหรับรับประทาน
- ซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) ในรูปแบบของโลชั่นหรือแชมพู
หลังจากรักษาเกลื้อนจนหายดีแล้ว สีผิวมักยังไม่กลับเป็นปกติในทันที อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการฟื้นฟูสีผิวและสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ
เกลื้อนป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันโรคเกลื้อน อาจทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม
- หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด อากาศร้อนอบอ้าว
- ใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ หรือเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อผ้าที่ทอจากฝ้าย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราเป็นครั้งคราว เช่น ฟอกตัวด้วยแชมพูที่มีซีลีเนียม ซัลไฟด์หรือคีโตโคนาโซลเป็นส่วนผสมเดือนละ 1 ครั้ง