AHA เป็นกรดที่ได้มาจากผลไม้ตามธรรมชาติ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล มักนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม โทนเนอร์ และครีมที่อาจช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและป้องกันการเกิดสิว
[embed-health-tool-bmr]
AHA คืออะไร
AHA คือ กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) เป็นกรดสังเคราะห์ที่ได้จากผลไม้ เช่น กรดซิตริก (Citric Acid) จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว จำพวกส้ม มะนาว เป็นต้น กรดแลคติก (Lactic Acid) จากนมเปรี้ยว มะเขือเทศ กรดมาลิก (Malic Acid) จากแอปเปิ้ล มักนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง ผิวที่มีริ้วรอยและสิว โดยอาจช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอักเสบ รวมถึงกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ให้เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น
ประเภทของ AHA
กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี อาจแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- กรดซิตริก (Citric Acid) จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว
- กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) จากอ้อย
- กรดแลคติก (Lactic Acid) จากนมเปรี้ยว มะเขือเทศ
- กรดมาลิก (Malic Acid) จากแอปเปิ้ล
- กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) จากองุ่น
ประโยชน์ของกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี
กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี อาจมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวและช่วยให้ผิวกระจ่างใส โดยกรดอัลฟ่าไฮดรอกซีอาจช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากชั้นผิวหนัง และเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียน กระจ่างใส แม้ร่างกายจะมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นอาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติช้าลง หากมีเซลล์ผิวที่ตายสะสมมากเกินไป อาจส่งผลทำให้เกิดริ้วรอยจุดด่างดำ และสิวได้
- ช่วยป้องกันการเกิดสิว สิวเกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน และแบคทีเรีย การขัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี อาจช่วยขจัดสิ่งอุดตันและลดขนาดของรูขุมขน รวมถึงอาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เป็นประจำประมาณ 2-3 เดือนถึงจะเห็นผล
- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว คอลลาเจนเป็นไฟเบอร์ที่อุดมไปด้วยโปรตีน ช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น และโดนรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด ก็อาจทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย
ทั้งนี้ ควรใช้กรดอัลฟ่าไฮดรอกซีในปริมาณที่เหมาะสม โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) แนะนำผลิตภัณฑ์กรดอัลฟ่าไฮดรอกซีที่มีความเข้มข้นโดยรวมน้อยกว่า 10% เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อผิวหนังได้ เช่น ระคายเคือง คัน ผิวหนังไหม้
ข้อควรระวังในการใช้กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี
- สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย กรดอัลฟ่าไฮดรอกซีอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น คัน รอยแดง ไหม้ ควรหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที และควรไปพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา
- ทาผิว กรดอัลฟ่าไฮดรอกซีควรมีความเข้มข้นไม่เกิน 10% หากความเข้มข้นสูงถึง 15% ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเท่านั้น
ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟ่าไฮดรอกซีควรระมัดระวังในการออกไปในที่กลางแจ้ง เนื่องจากกรดอัลฟ่าไฮดรอกซีที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวไวต่อรังสี UV มากขึ้น ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันแดดเผา รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่าไฮดรอกซีว่าสามารถใช้ได้หรือไม่