ฉี่แล้วแสบ (ปัสสาวะขัด) คือ อาการเจ็บปวดหรือแสบร้อนที่อวัยวะเพศตอนก่อนหรือหลังปัสสาวะ อาการนี้มักเกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ก็อาจพบได้บ่อยในผู้ชายที่อายุมาก โดยสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือเกิดจากการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ หากฉี่แล้วแสบเป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน ควรเข้าพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการรักษาและป้องกันโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
ฉี่แล้วแสบ คืออะไร
ฉี่แล้วแสบ คือ อาการเจ็บปวดหรือแสบร้อนเวลาปัสสาวะและหลังปัสสาวะ โดยปกติมักเกิดบริเวณท่อปัสสาวะหรือบริเวณฝีเย็บ การฉี่แล้วแสบมักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ก็อาจพบได้บ่อยในผู้ชายที่อายุมาก
การฉี่แล้วแสบอาจเกิดจากหลายกรณี หากอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นตอนปัสสาวะ อาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หากมีอาการเจ็บปวดหลังปัสสาวะ อาจเกิดจากความผิดปกติที่ต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ
อาการ
อาการฉี่แล้วแสบ
อาการฉี่แล้วแสบ อาจประกอบไปด้วยความเจ็บปวด แสบร้อน หรือคันที่อวัยวะเพศ ในเพศชาย อาการสามารถเกิดได้ทั้งก่อนและหลังปัสสาวะ ส่วนในเพศหญิง ความเจ็บปวดอาจเกิดได้ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอ
- ฉี่แล้วแสบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน
- พบของเหลวลักษณะคล้ายหนองไหลออกมาจากองคชาตหรือช่องคลอด
- ปัสสาวะมีกลิ่น มีสีขุ่น หรือมีเลือดเจือปน
- มีไข้
- เจ็บปวดที่หลังหรือด้านข้างของลำตัว
- เป็นนิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ
สาเหตุ
สาเหตุของการฉี่แล้วแสบ
อาการฉี่แล้วแสบ อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
การติดเชื้อ โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียผ่านท่อปัสสาวะ และมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ อาทิ
- เพศ ผู้หญิงมีโอกาสพบการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะมากกว่าผู้ชาย
- เพศสัมพันธ์ ผู้คนที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ มีแนวโน้มติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะมากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์
- เบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสพบการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ
- โรคต่าง ๆ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากโต อาจทำให้ปัสสาวะระบายออกได้ยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- การใส่สายสวนปัสสาวะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้ามาในร่างกายได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
นอกจากนี้ การฉี่แล้วแสบ ยังอาจเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม
การอักเสบและระคายเคือง โดยเฉพาะที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจมีสาเหตุดังนี้
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- การเปลี่ยนแปลงของช่องคลอด เนื่องจากอยู่ในวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน
- กิจกรรม เช่น การขี่ม้าหรือปั่นจักรยาน
- การระคายเคืองจากสารเคมี หรือน้ำหอม ที่ผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชำระร่างกาย
- การใช้ยาบางอย่าง
- เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ
- โรคต่าง ๆ เช่น ต่อมลูกหมากโต มะเร็ง เชื้อราในช่องคลอด มดลูกอักเสบ
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการฉี่แล้วแสบ
การวินิจฉัยอาการฉี่แล้วแสบ มีดังต่อไปนี้
- การสอบถามประวัติทางการแพทย์ โรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ เช่น ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจเป็นสาเหตุของอาการฉี่แล้วแสบได้
- การสอบถามเกี่ยวกับประวัติการมีเพศสัมพันธ์ หากคุณหมอสงสัยว่าการฉี่แล้วแสบเป็นอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การตรวจปัสสาวะ หากพบว่า มีเซลล์เม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ อาจจะบอกได้ว่ามีการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะหรือไม่ และในบางรายคุณหมออาจจะส่งปัสสาวะไปเพาะเชื้อเพิ่มเติม
- การตรวจเพิ่มเติม ถ้าไม่พบการติดเชื้อจากตัวอย่างปัสสาวะ คุณหมออาจขอตรวจกระเพาะปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากในผู้ป่วยชาย หรือขอตรวจตัวอย่างเยื่อบุช่องคลอดหรือเยื่อบุท่อปัสสาวะในผู้ป่วยหญิง
การรักษาอาการฉี่แล้วแสบ
เมื่อวินิจฉัยแล้ว คุณหมอจะเลือกรักษาอาการฉี่แล้วแสบตามสาเหตุหรืออาการที่พบ เช่น
- หากติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ คุณหมอจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หากอาการเจ็บปวดรุนแรง คุณหมออาจใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด ซึ่งอาจจะทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้
- หากผู้ป่วยฉี่แล้วแสบเนื่องจากความผิดปกติของต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ คุณหมอจะรักษาตามความผิดปกติที่พบ เช่น คุณหมอจะจ่ายยาปฏิชีวนะให้กับผู้ป่วยที่เป็นต่อมลูกหมากโต
- หากพบการอักเสบจากการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง คุณหมอจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงสาเหตุของการระคายเคือง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยรับมือกับอาการฉี่แล้วแสบ
การดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการฉี่แล้วแสบ ประกอบด้วย
- ควรดื่มน้ำ 2-3 ลิตร/วัน
- ในกรณีของผู้หญิง หลังปัสสาวะเสร็จ ควรล้างทำความสะอาดและใช้กระดาษชำระเช็ดบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งและสะอาด
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนาน ๆ
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยวที่มีความเป็นกรด กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคืองได้
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าและของใช้ในห้องน้ำที่มีกลิ่นหอม หรือสารเคมี เพื่อลดแนวโน้มในการเกิดการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ