backup og meta

3 โรคทางเดินอาหาร ยอดฮิต ที่พบได้บ่อยในหน้าฝน

3 โรคทางเดินอาหาร ยอดฮิต ที่พบได้บ่อยในหน้าฝน

ฤดูฝนคือฤดูกาลแห่งความชุ่มชื้น ทุกสรรพสิ่งล้วนเจริญเติบโต ไม่ใช่แค่พืชพรรณ แต่ยังรวมไปถึงเหล่าแบคทีเรียด้วย แบคทีเรียคือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ โรคทางเดินอาหาร เรามาทำความรู้จักกับโรคทางเดินอาหารในหน้าฝนให้มากขึ้นกับบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันค่ะ

โรคทางเดินอาหาร ที่มาพร้อมกับหน้าฝน

โรคทางเดินอาหาร หรือโรคในระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Disorders) คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของระบบลำไส้ เนื่องจากได้รับเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยที่รับเชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นเข้าไปอาจเกิดอาการท้องเสีย เป็นโรคลำไส้อักเสบ ภาวะอาหารเป็นพิษ หรือเป็นไข้ไทฟอยด์ได้  ซึ่งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศชื้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และสามารถก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนี้

1. โรคบิด (Dysentery)

โรคบิดเป็นโรคท้องร่วงชนิดหนึ่งที่เกิดจากจุลชีพ 2 ชนิด คือ อะมีบา (Amoeba) ที่ทำให้เกิดโรคบิดชนิดมีตัว และเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา (Shigella) ที่ทำให้เกิดโรคบิดแบบไม่มีตัว โดยจุลชีพทั้งสองชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารและการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนจุลชีพพวกนี้มา

อาการของโรคบิด

โรคบิด ทำให้กลไกการทำงานของลำไส้ผิดปกติ ส่งผลให้ผนังลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี ทำให้มีน้ำหรืออาหารเหลวในลำไส้มาก ร่างกายจึงขับสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากนี้ออกมาในรูปแบบของอาการท้องร่วง ผู้ป่วยโรคบิดจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากจะถ่ายท้องตลอดเวลา มีไข้ และอ่อนเพลีย

วิธีสังเกตว่าเป็นโรคบิดมีตัวหรือไม่มีตัว

แม้อาการของโรคบิดมีตัวกับโรคบิดไม่มีตัวจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผู้ป่วยก็สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ ดังนี้

  • โรคบิดมีตัว ถ่ายเป็นเลือด ปวดท้อง มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากถ่ายท้องตลอดเวลา คนไข้จะไม่อ่อนเพลียมากนัก อาจมีไข้เล็กน้อย แต่ไม่รู้สึกว่ามีไข้ อุจจาระของคนที่เป็นบิดมีตัวจะมีอุจจาระเหม็น และมีสีดำแดง
  • โรคบิดไม่มีตัว อุจจาระจะมีฟอง มีเลือด มีกลิ่นเหม็นน้อยกว่า และมีสีแดงมากกว่าอุจจาระของผู้ป่วยที่มีอาการบิดมีตัว คนไข้จะมีอาการปวดขัด ปวดเบ่ง มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากจะถ่ายท้องตลอดเวลา อ่อนเพลีย และมีไข้

วิธีรักษาโรคบิด

การรักษาโรคบิดแบบมีตัว จะใช้ยารักษาทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้

  • เมโทรไนดาโซล (Metronidazole) โดยยานี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีกลิ่นปาก
  • ออนิดาโซล (Ornidazole)
  • ไทนิดาโซล (Tinidazole)

การรักษาโรคบิดไม่มีตัว

  • ใช้ยาปฏิชีวนะ จำพวกแอมพิซิลลิน (Ampicillin) หรือใช้ยาโค-ไตรมอกซาโซล (Co-Trimoxazole)

2. ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid fever หรือ Enteric fever)

ไข้ไทฟอยด์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Salmonella Typhi ซึ่งมนุษย์เรารับแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายจากการกินอาหารที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้ปะปนมา หลังจากที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะส่งผลต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร และแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย และทำให้อวัยวะที่สำคัญเหล่านั้นทำงานผิดปกติ

อาการของไข้ไทฟอยด์

  • มีไข้สูงแบบเรื้อรัง
  • ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • ปวดศีรษะ
  • เวียนศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ไม่มีน้ำมูก
  • ไอแห้ง
  • ในผู้ใหญ่จะพบอาการท้องผูก ส่วนในเด็กจะพบว่ามีอาการถ่ายเหลว
  • ปวดท้องคล้ายอาการไส้ติ่งอักเสบ หรือถุงน้ำดีอักเสบ บางรายมีอาการท้องอืด และเมื่อกดที่ท้องจะมีอาการเจ็บเล็กน้อย
  • มีอาการหนาวสะท้านเป็นพักๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพ้อด้วย
  • เบื่ออาหาร

วิธีรักษาโรคไทฟอยด์

  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
  • กินอาหารอ่อน และกินวิตามินบำรุงหากผู้ป่วยไม่สามารถทานอาหารได้
  • ใช้ยาปฏิชีวนะโคไตรม็อกซาโซล ไตรเมโทพริม (Trimethoprim) คลอแรมเฟนิคอ (Chloramphenic) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin)
  • สำหรับผู้ป่วยรายที่อาจมีอาการดื้อยา แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เช่น ไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) หรือเซฟทริอะโซน (Ceftriaxone)
  • หากอาการไม่ดีขึ้นในช่วง 4-7 วัน ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

3. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea)

โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน คือ อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ ในบางรายมีอาการอาเจียน และในบางรายมีอาการไข้ร่วมด้วย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันเกิดจากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้ออหิวาตกโรค เชื้อบิด ปรสิตในลำไส้ รวมถึงอาจเกิดจากการเป็นโรคมาลาเรีย หรือโรคหัด ก็สามารถทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงได้เช่นกัน

อาการของโรคอุจจาระร่วงฉับพลัน

อาการจะคล้ายกันกับอาการท้องเสีย ต่างกันตรงที่ ผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงฉับพลันจะมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำติดต่อกัน 3 ครั้งขึ้นไป และมีอาการปวดบิดในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยบางรายอาจมีการถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย

วิธีรักษาโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

  • ดื่มเกลือแร่
  • ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงจนไม่สามารถดื่มน้ำได้ แพทย์จะวินิจฉัยให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
  • ใช้ยาปฏิชีวนะนอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin)

วิธีป้องกัน โรคทางเดินอาหาร

  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง โดยเฉพาะก่อนและหลังปรุงอาหาร รวมถึงก่อนและหลังกินอาหาร
  • ดื่มน้ำสะอาด หรือดื่มน้ำต้มสุก
  • กินอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
  • เลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่เป็นแหล่งสะสมความชื้น เช่น ตะเกียบไม้ เขียงไม้ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

[embed-health-tool-bmr]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

บิดถ่ายเป็นมูกเลือดเกิดจากอะไร. http://med.mahidol.ac.th/ramachannel/old/index.php/knowforhealth-20140829-2/. Accessed on July 16,2018

อุจจาระร่วงเรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้.  https://www.hsri.or.th/people/media/waiting-categorize/detail/4827

. Accessed on July 16,2018

มารู้จักไข้ไทฟอยด์. http://nih.dmsc.moph.go.th/data/data/fact_sheet/9_59.pdf. Accessed on July 16,2018

อุจจาระร่วงเฉียบพลัน. http://www.boe.moph.go.th/fact/Diarrhea.pdf.  Accessed on July 16,2018

 

 

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

28/08/2020

เขียนโดย Khongrit Somchai

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Nattrakamol Chotevichean


บทความที่เกี่ยวข้อง

อาการไส้ติ่ง เริ่มต้นจะเป็นอย่างไร อาการไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากอะไร

โรคฉี่หนู โรคร้ายที่มากับน้ำขังและต้องระวังแม้จะเป็น “คนเมือง”


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 28/08/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา