backup og meta

อาการแพ้ท้อง ที่เกิดจากสาเหตุอื่นไม่ใช่เพราะการตั้งครรภ์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 10/11/2021

    อาการแพ้ท้อง ที่เกิดจากสาเหตุอื่นไม่ใช่เพราะการตั้งครรภ์

    อาการแพ้ท้อง มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงไตรมาสแรกของหญิงตั้งครรภ์ ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แต่อาการแพ้ท้องนี้อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นด้วยไม่ใช่เกิดขึ้นได้เฉพาะในหญิงตั้งครรภ์เท่านั้น ซึ่งวิธีป้องกันและบรรเทาอาการอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุ

    สาเหตุของอาการแพ้ท้อง

    อาการแพ้ท้อง เป็นภาวะที่มีอาการหลายอย่างประกอบกัน หรือเกิดขึ้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น วิงเวียน  คลื่นไส้ อาเจียน รวมไปถึง ท้องเสีย เหงื่อออกมาก และปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งอาการแพ้ท้องอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    ตั้งครรภ์

    สัญญาณแรกของหญิงตั้งครรภ์คือ รู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน โดยสาเหตุของการแพ้ท้องระหว่างตั้งครรภ์นี้ยังไม่อาจระบุได้ แต่คาดว่าการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกายอาจเป็นสาเหตุหลัก โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก และกินระยะเวลาเประมาณ 6 สัปดาห์ อาการเหล่านี้มักจะหายไปในช่วงสัปดาห์ที่ 16 และ 20 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์  มีบางรายที่อาจแพ้ท้องตลอดการตั้งครรภ์ โดยอาการแพ้ท้องไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะตอนเช้า หรือตอนกลางวัน แต่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน

    เหนื่อยล้า หรือปัญหาการนอนหลับ

    ปัญหาสุขภาพหรือภาวะที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น อาการเจ็ตแล็ก โรคนอนไม่หลับ (insomnia) อาจรบกวนการเปลี่ยนแปลงวงจรการนอนหลับหรือรูปแบบการนอน ทำให้ระบบประสาทของร่างกายต้องปรับเปลี่ยนเป็นผลให้ร่างกายตอบสนองด้วยอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้

    ความหิว หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ

    เมื่อรู้สึกหิว หรือเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจรู้สึกวิงเวียน อ่อนเพลีย หรืออยากอาเจียน หรือหากปกติรับประทานอาหารเช้าทุกวัน ในวันที่มีการเปลี่ยนแปลงตารางชีวิตประจำวันทำให้ต้องงดอาหาร ก่ออาจก่อให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ รวมทั้งการขาดน้ำในตอนเช้า

    ความเครียด และความกังวล

    ความเครียด ความตื่นเต้น และความกังวล อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้อาจส่งผลต่อ ระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ

    แพ้อาหาร

    อาการแพ้ท้องอาจเกิดจากอาหารบางประเภทที่รับประทานในตอนเช้า อาหารที่ย่อยยาก อาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือมีกรดมากเกินไป อาหารที่มีแลคโตส เช่น นม โยเกิร์ต เป็นต้น และอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี เป็นต้นหรือเกิดจากการแพ้อาหารบางประเภท รวมทั้งการรับประทานอาหารมากเกินพอดี ก็อาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนได้

    อาหารเป็นพิษ

    หากมีอาการอาหารเป็นพิษ มักมีอาการแพ้ท้อง ไม่ว่าจะเป็น ท้องเสีย อาเจียน  วิงเวียน รวมถึงมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

    หูชั้นในอักเสบ

    ระบบประสาทการทรงตัว (vestibular system) ในหูชั้นในช่วยให้ร่างกายทรงตัวได้ แต่หากติดเชื้อในหูชั้นใน อาจทำให้ทรงตัวไม่อยู่ กิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ และอาเจียน

    วิธีป้องกันและบรรเทาอาการแพ้ท้อง

    วิธีป้องกันและบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์นั้นยังไม่มีวิธีที่ได้ผล แต่อาจใช้วิธีจิบน้ำขิงอุ่นๆ ช่วยบรรเทา สำหรับสาเหตุอื่น อาจบรรเทาอาการในเบื้องต้นได้ด้วยวิธีเหล่านี้

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • กินอาหารเช้า หรือกินอาหารหลังตื่นนอน ไม่ปล่อยให้ท้องว่าง
  • เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อใหญ่ก่อนเข้านอน
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงก่อนเข้านอน
  • หาวิธีจัดการกับความเครียด
  • ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว
  • เมื่อใดควรไปพบคุณหมอ

    หากอาการแพ้ท้องเกิดจากการตั้งครรภ์ โดยปกติจะหายไปหลังจากไตรมาสแรก แต่หากเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น การติดเชื้อในหู หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รวมถึงมีอาการเหล่านี้ ร่วมด้วยควรปรึกษาแพทย์

  • ปัสสาวะสีเข้ม หรือไม่ปัสสาวะนานกว่า 8 ชั่วโมง
  • รู้สึกเหนื่อยอย่างรุนแรง วิงเวียน หรือหน้ามืดเวลาลุกขึ้นยืน
  • ปวดท้องรุนแรง
  • เจ็บอวัยวะเพศเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะปนเลือด
  • น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 10/11/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา