ยาลดไขมันในเลือด คืออีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยลดระดับไขมันที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด นอกเหนือจากการควบคุมอาหาร และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่การใช้ยาลดไขมันในเลือดก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์และโทษของยาแต่ละชนิดให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้ยาที่เหมาะสม
ยาลดไขมันในเลือดใช้เพื่ออะไร
เมื่อคอเลสเตอรอลสูงขึ้นจากปัจจัยด้านพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และพันธุกรรม ก็อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ไขมันเหล่านี้อาจเกาะสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตับ ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือด แล้วอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงระบบการทำงานแก่อวัยวะต่าง ๆ ได้ยาก นำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจล้มเหลว
การลดระดับไขมันในเลือด ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการใช้ยาลดไขมันในเลือด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดระดับไขมันในเลือดสะสม และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ยาลดไขมันในเลือดก็มีอยู่หลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีการทำงานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อหาวิธีลดไขมันในเลือดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน
ยาลดไขมันในเลือด ที่แพทย์นิยมเลือกใช้
ยาลดไขมันมีอยู่หลายประเภท ซึ่งอาจมีการทำงานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ดังนี้
กลุ่มยาสแตติน(Statin)
เป็นกลุ่มยาที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุด เพื่อช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ และอาจช่วยเพิ่มระดับของไขมันดีในร่างกายได้
ยาที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาสแตติน ได้แก่
- อะทอร์วาสแททิน (Atorvastatin)
- ฟลูวาสแตติน (Fluvastatin)
- โลวาสแตติน (Lovastatin)
- ซิมวาสแตติน (Simvastatin)
- พราวาสแตติน (Pravastatin)
- โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin)
- พิทาวาสแตติน (Pitavastatin)
ผลข้างเคียง : กลุ่มยาสแตตินอาจส่งผลให้ตับและลำไส้ได้รับความเสียหาย กล้ามเนื้ออักเสบ ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการสูญเสียความจำและสับสนเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้มักจะไม่เป็นอันตราย และจะหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ยาในกลุ่มสแตตินอาจทำปฏิกิริยากับยาอื่น ดังนั้น จึงควรบอกให้คุณหมอทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่กำลังใช้ก่อนเสมอ
ยาในกลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ (Bile Acid Sequestrants)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยการกักเก็บน้ำดีในระบบทางเดินอาหาร และป้องกันไม่ให้ดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด น้ำดีเป็นสารที่ทำหน้าที่ในการย่อยไขมันในลำไส้ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ การใช้ยาในกลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์จึงอาจสามารถช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้
ยาในกลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ที่นิยมเลือกใช้ มีดังนี้
- คอเลสไทรามีน (Cholestyramine)
- คอเลสเซเวแลม (Colesevelam)
- คอเลสติพอล (Colestipol)
ผลข้างเคียง : ยาในกลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปวดท้อง และท้องอืด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป และไม่อันตรายใด ๆ
ยาในกลุ่ม PCSK9 Inhibitors
ยาในกลุ่ม PCSK9 Inhibitors เป็นยาลำไขมันในเลือดสำหรับผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มสแตตินแล้วไม่เห็นผล ยานี้จะปิดกั้นสาร PCSK9 ช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันชนิดไม่ดีได้ง่ายขึ้น โดยการฉีดยาในกลุ่ม PCSK9 Inhibitors ทุก ๆ 2 สัปดาห์
ยาในกลุ่ม PCSK9 Inhibitors มีดังนี้
- Alirocumab
- Evolocumab
ผลข้างเคียง : อาจเกิดอาการปวด อาการบวม และรอยช้ำในบริเวณที่ฉีดยา นอกจากนี้ เนื่องจากยาในกลุ่ม PCSK9 Inhibitors เป็นยาชนิดใหม่ จึงควรระมัดระวังและทำความเข้าใจการใช้งานยาอย่างละเอียดก่อนการใช้งาน
ไนอาซิน (Niacin)
เป็นวิตามินบีที่ช่วยจำกัดการผลิตไขมันในเลือด และช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี พร้อมเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดีขึ้นมาแทนได้ ตัวยาที่แพทย์เลือกใช้ในกลุ่มยาไนอาซินนั้น มีดังนี้
- Niacor
- Niaspan
ผลข้างเคียง : ไนอาซินอาจทำให้คุณมีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ และสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
คำแนะนำระหว่างการใช้ ยาลดไขมันในเลือด
สิ่งที่ควรรู้เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาลดไขมันในเลือด มีดังนี้
- ควรรับประทานยาลดไขมันในเลือด ในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าหยุดยา หรือเปลี่ยนชนิดยาโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากคุณหมอ
- แยกยาแต่ละชนิดในกล่องเก็บยา พร้อมระบุประเภทยา และจำนวนเม็ดยาที่ควรกินให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการรับประทานยาผิด
- ในขณะที่ใช้ยาลดไขมันในเลือด ไม่ควรซื้อยาชนิดอื่นมาใช้เอง ควรปรึกษาคุณหมอเสียก่อน
- กรณีลืมรับประทานยา ควรใช้ยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้กับใช้ยาครั้งถัดไป ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยา
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับยา
[embed-health-tool-bmi]