โรคหลอดเลือดแข็งตัว เกิดจากคราบจุลินทรีย์ที่สะสมจำนวนมากตามผนังหลอดเลือด จนส่งผลให้ขัดขวางการไหลเวียนของเลือด โดยการก่อตัวของจุลินทรีย์นี้สามารถมาได้หลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น ไขมัน ระดับกลูโคส การสูบบุหรี่ เป็นต้น วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอพาทุกคนมาร่วมรู้จัก การรักษาโรคหลอดเลือดแข็งตัว และการเตรียมตัวเข้ารับการวินิจฉัยเบื้องต้น เพื่อรับมือให้พร้อมกับอาการที่เกิดขึ้นมาฝากกันค่ะ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับวินิจฉัย โรคหลอดเลือดแข็งตัว
ส่วนใหญ่ โรคหลอดเลือดแข็งตัว มักส่งสัญญาณเตือนมาในรูปแบบอาการเจ็บหน้าอก แขนขาอ่อนแรง การสื่อสารผิดปกติ ปวดขาขณะเคลื่อนไหว และเริ่มสูญเสียการมองเห็น ดังนั้นเมื่อใดที่คุณพบกับสัญญาณเตือนข้างต้นนี้ ไม่ว่าจะอาการใดอาการหนึ่ง โปรดรีบขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ในทันที และตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการวินิจฉัยตรวจหาสาเหตุโรคหลอดเลือดแข็งตัว ดังนี้
- จดบันทึกโรคประจำตัว อาการ ที่คุณกำลังเป็น รวมถึงยา วิตามิน ที่คุณกำลังใช้ในปัจจุบัน เพื่อนำไปแจ้งให้แพทย์ทราบ
- หากคนในครอบครัวของคุณเคยมีประวัติโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด อาจต้องแจ้งให้แพทย์ทราบร่วมด้วย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มก่อนการเข้าทดสอบ
- นำคนรอบข้างคนใดคนหนึ่งไปด้วย เพื่อช่วยจดจำข้อมูลที่แพทย์จะแจ้งเพิ่มเติม
เทคนิคการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดแข็งตัว
หลังจากที่แพทย์สอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพของคุณแล้ว คุณอาจได้รับการวินิจฉัยด้วยเทคนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือ 2-3 เทคนิคร่วมกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ของอาการ และสาเหตุเผยออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
- ตรวจเลือด แพทย์ หรือพยาบาลผู้ช่วยจะดำเนินการเจาะเลือดนำไปวิเคราะห์หาระดับน้ำตาลในเลือด และคอเลสเตอรอลว่ามีระดับที่สูงขึ้นหรือไม่ เนื่องจากทั้ง 2 ปัจจัยนี้สามารถส่งผลก่อให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดได้
- ตรวจอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหว เชื่อมโยงกับการทำงานของหัวใจ ทำให้ตรวจบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ดี
- อัลตราซาวนด์เทคนิคดอปเปลอร์ (Doppler Ultrasound) เป็นการวัดความดันโลหิตเฉพาะจุด ตามแขน และขา ตลอดจนการเช็กว่าภายในคุณมีระบบไหลเวียนของเลือดได้เร็วแค่ไหน
- การสวนหัวใจ และหลอดเลือด เป็นการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่าคุณเสี่ยงเป็นภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตันหรือไม่ โดยจะสอดท่อที่มีความยืดหยุ่นเข้าใจยังหัวใจ และเติมสีย้อมทางการแพทย์ลงไปในหลอดเลือด ซึ่งจะมองเห็นได้จากมอนิเตอร์ด้านนอกว่ามีความผิดปกติหรือไม่
- ซีทีแสกน (CT Scan) การตรวจด้วยเทคนิคนี้เป็นการถ่ายภาพด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างโครงสร้างบริเวณโดยรอบหัวใจ และจะสามารถแสดงผลให้เห็นถึงแคลเซียมที่เกาะตามผนังในหลอดเลือดของคุณออกมาร่วมด้วยว่ามีปริมาณมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำไปพิจารณาการรักษา
การรักษาโรคหลอดเลือดแข็งตัว
การรักษาให้ผู้ป่วย โรคหลอดเลือดแข็งตัว แพทย์อาจเริ่มต้นด้วยการให้ยาบางชนิดมารับประทานตามผลวินิจฉัย โดยกลุ่มยาที่นิยมใช้ส่วนมากนั่นได้แก่ กลุ่มยาสแตติน ยาลดความดันโลหิต ยาเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เป็นต้น แต่หากอาการยังคงไม่ดีขึ้น การผ่าตัดด้วยเทคนิคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ อาจเป็นการแก้ไขปัญหาโรคหลอดเลือดแข็งตัวที่แพทย์ต้องนำมาใช้
- การใช้ลวดขยายหลอดเลือด แพทย์จะทำการผ่าตัดสอดสายสวน และขดลวดให้เปิดหลอดเลือดที่มีการอุดตัน ทำให้หลอดเลือดกว้างจนเลือดไหลเวียนได้ง่าย
- ผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดที่แข็งแรงในส่วนอื่นของร่างกายเข้ามาสร้างต่อเป็นทางเลี่ยงรอบหลอดเลือดแดงที่มีการอุดตัน หรือบางครั้งก็อาจใช้การปลูกถ่ายอวัยวะที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์แทน เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปทางอื่นได้อย่างงสะดวก
- การผ่าตัดเอาคราบพลัคออก เทคนิคนี้จะใช้ต่อเมื่อผลการวินิจฉัยระบุว่าคุณมีคราบพลัคจำนวนมากในหลอดเลือด แพทย์จึงจะทำการนัดหมายผ่าตัดนำคราบพลัคที่อุดตันเหล่านี้ออกไป
ไม่ว่าจะได้รับการรักษาด้วยวิธีใด คุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด โรคหลอดเลือดแข็งตัว ร่วมด้วย เช่น การควบคุมน้ำหนัก การรับประทานอาหารอุดมไปด้วยผัก ธัญพืช และหยุดสูบบุหรี่แย่งเด็ดขาด หากคุณเลิกบุหรี่ไม่ได้ในทันที โปรดขอคำปรึกษา หรือรับการบำบัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ค่ะ
[embed-health-tool-heart-rate]