อาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre Syndrome) คือ ระบบประสาทเกิดความผิดปกติ จนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการดังกล่าวนี้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มักเกิดจากการติดเชื้อในกระเพาะลำไส้อักเสบ หรือการติดเชื้อในปอด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชาบริเวณแขน และขา บางรายอาจร้ายแรงจนกลายเป็นอัมพาต
คำจำกัดความ
อาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre Syndrome) คืออะไร
อาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain Barre Syndrome) คือ ระบบประสาทเกิดความผิดปกติ จนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการดังกล่าวนี้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มักเกิดจากการติดเชื้อในกระเพาะและลำไส้อักเสบ หรือการติดเชื้อในปอด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชาบริเวณแขน และขา บางรายอาจร้ายแรงจนกลายเป็นอัมพาต
พบได้บ่อยเพียงใด
อาการกิลแลง-บาร์เรสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน พบได้บ่อยในเพศชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขี้นไป
อาการ
อาการกิลแลง-บาร์เร
อาการกิลแลง-บาร์เรส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนปลาย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ ดังต่อไปนี้
- อาการชาบริเวณข้อมือ นิ้วมือ
- อาการชาบริเวณเท้า ข้อเท้า
- ท่าเดินไม่มั่นคง
- กลืนอาหารลำบาก
- หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจลำบาก
- ความดันโลหิตต่ำ
- ความดันโลหิตสูง
- อาการปวดหลังรุนแรง
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของอาการกิลแลง-บาร์เร
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ที่ทำให้เกิดอาการกิลแลง-บาร์เร โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US Centers for Disease Control and Prevention : CDC) พบว่า ผู้ป่วยที่มีอาการกิลแลง-บาร์เร ส่วนใหญ่เคยป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วง หรือติดเชื้อในทางเดินอาหาร
การติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์เจจูไน (Campylobacter Jejuni) มีความสัมพันธ์กับอาการกิลแลง-บาร์เร เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย นอกจากนี้เชื้อแคมไพโลแบคเตอร์เจจูไน ยังพบในอาหารที่ปรุงไม่สุกอีกด้วย
หากคุณมีอาการติดเชื้อดังต่อไปนี้ อาจทำให้เกิดอาการกิลแลง-บาร์เร เช่น
- ไข้หวัดใหญ่
- ติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส (Cytomegalovirus : CMV)
- ติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus : EBV)
- ปอดอักเสบจากไมโคพลาสมา (Mycoplasma Pneumonia)
- โรคเอดส์ ติดเชื้อเอชไอวี (Acquired Immunodeficiency Syndrome : AIDS)
ปัจจัยเสี่ยงของอาการอาการกิลแลง-บาร์เร
เพศชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขี้นไป มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอาการกิลแลง-บาร์เร สูง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ดังนี้
- ไข้หวัดใหญ่
- ติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส
- ติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์
- โรคเอดส์ ติดเชื้อเอชไอวี
- ปอดบวม
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการกิลแลง-บาร์เร
ผู้ที่มีอาการกิลแลง-บาร์เร ในระยะแรกอาจทำการวินิจฉัยตรวจหาได้ยาก เนื่องจากอาการคล้ายคลึงกันมากกับความผิดปกติของระบบประสาทสาเหตุอื่นๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะพิษจากโลหะ โดยแพทย์จะทำการสอบถามอาการเบื้องต้นเพื่อหาสาเหตุ ในการยืนยันการวินิจฉัยของโรค ดังต่อไปนี้
- การตรวจเจาะน้ำไขสันหลัง (Spinal tap) การเจาะไขกระดูกสันหลังช่วงเอวเพื่อน้ำตรงส่วนนั้น ที่เรียกว่า “น้ำไขสันหลัง” มาตรวจวัดระดับโปรตีน เนื่องจากผู้ที่ป่วยมีอาการกิลแลง-บาร์เร จะมีระดับโปรตีนสูงกว่าปกติ
- การตรวจวัดคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography) ทดสอบการทำงานของระบบประสาท เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้นเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทหรือจากกล้ามเนื้อ
- การตรวจการชักนำกระแสประสาท (Nerve Conduction Tests) เพื่อทดสอบว่าเส้นประสาทและกล้ามเนื้อตอบสนองต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กเพียงใด
การรักษาอาการกิลแลง-บาร์เร
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุและวิธีการรักษาที่ระบุแน่ชัด แต่ร่างกายของเราสามารถปรับตัวและหายเองได้ อย่างไรก็ตามคุณควรสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำจากแพย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยส่วนใหญ่แพทย์จะทำการรักษา ดังต่อไปนี้
หากแพทย์พบว่าคุณมีอาการกิลแลง-บาร์เร เบื้องต้นจะทำการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้แพทย์จะทำการเจาะกระดูกสันหลัง เพื่อวัดระดับโปรตีน
- การเปลี่ยนพลาสมา (Plasmapheresis) เพื่อกำจัดแอนติบอดี (Antibody) ในเลือด ที่แปลกปลอมเข้าไปทำลายเซลล์ประสาท โดยแพทย์จะทำการถ่ายเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วย เพื่อคัดแยกแอนติบอดี้ที่ดีกลับคืนเข้าร่างกาย
- การรักษาด้วยอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin Therapies) วิธีการรักษาด้วยการเปลี่ยนพลาสมากับการรักษาด้วยอิมมูโนโกลบูลินนั้นมีวิธีการรักษาและประสิทธิภาพเท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
- วิธีการรักษาอื่น ๆ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและป้องกันการอุดตันของเลือด และทำกายภาพบำบัดให้กับผู้ป่วยก่อน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อภายในร่างกาย
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษาอาการกิลแลง-บาร์เร
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรับมืออาการกิลแลง-บาร์เร มีวิธี ดังนี้
อาการกิลแลง-บาร์เร สามารถรักษาให้หายได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุของโรคที่แน่ชัด คุณควรทำกายภาพบำบัด หรือเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]