backup og meta

รู้หรือไม่? การตรวจหาปริมาณ ไวรัสในเลือด สำคัญกว่าที่คิด

รู้หรือไม่? การตรวจหาปริมาณ ไวรัสในเลือด สำคัญกว่าที่คิด

ไวรัสในเลือด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่คร่าชีวิตคนประมาณ 1.5 ล้านคน ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประมาณการเอาไว้ในปี 2003 ฉะนั้นการตรวจหาปริมาณไวรัสในเลือด เพื่อใช้ในการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี และการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ก็นับว่ามีความจำเป็นมาก ซึ่ง Hello คุณหมอ จะพาไปติดตามความสำคัญของเรื่องนี้กัน

ไวรัสในเลือด คืออะไร

เชื้อไวรัสในเลือด (Viral Load) หมายถึงปริมาณของอนุภาคเชื้อไวรัสที่ลอยอยู่ในตัวอย่างเลือด (ปริมาณ 1 มล. หรือ 1 ซีซี) อนุภาคเหล่านี้คือสำเนาพันธุกรรมของเชื้อไวรัสที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ปริมาณของเชื้อไวรัสในเลือดจะทำให้เราทราบว่าการรักษาต้านไวรัสโดยใช้ยาต้านเชื้อไวรัส (ART) นั้นสามารถควบคุมเชื้อไวรัสได้ดีแค่ไหน เป้าหมายของการรักษาต้านไวรัสคือการลดระดับปริมาณของเชื้อไวรัสในเลือด

การตรวจหาปริมาณไวรัสในเลือดประเภทต่างๆ

การตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสที่อยู่ในเลือด เพื่อประเมินสุขภาพของผู้ติดเชื้อ ว่าสามารถควบคุมปริมาณไวรัสให้อยู่ในระยะปลอดภัยต่อสุขภาพได้หรือไม่ เมื่อเข้ารับการรักษาเป็นครั้งแรกนั้น ก็จะทำการตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสในเลือด เพื่อใช้เป็นข้อมูลก่อนที่จะรับยาต้านไวรัส ควรทำการทดสอบไวรัสแบบนี้ทุกๆ 3-6 เดือน โดยการตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดมีดังนี้

  • การตรวจหาปริมาณไวรัสเอชไอวี

การตรวจหาปริมาณไวรัสเอชไอวี จะทำให้คุณทราบปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกาย โดยตรวจนับปริมาณสำเนาของเชื้อเอชไอวีเลือด 1 มิลลิลิตร ผลการตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์ทราบว่าการติดเชื้อของคุณเป็นอย่างไร การรักษาได้ผลดีแค่ไหน และรับทราบแนวทางในการรักษา ผลการตรวจปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีจะช่วยให้คุณทราบว่าโรคมีอาการรุนแรงขึ้นเร็วแค่ไหน

  • การตรวจหาปริมาณไวรัสตับอักเสบซี

แพทย์จะทำการตรวจหาปริมาณของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hep C RNA test) เพื่อตรวจหาปริมาณของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีภายในเลือดหนึ่งหยด ในปัจจุบันนี้ห้องแล็บส่วนใหญ่มักจะแจ้งผลเป็น หน่วยสากลต่อมิลลิลิตร (IU/mL)

การตรวจไม่พบปริมาณไวรัสในเลือด

การตรวจไม่พบปริมาณเชื้อไวรัสในเลือด หมายความว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำมาก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถฟื้นตัวและมีความแข็งแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการถ่ายทอดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย โดยทั่วไปแล้ว ผลการตรวจปริมาณของเชื้อไวรัสในเลือดจะมีผลว่า “ไม่สามารถตรวจพบได้” หากมีปริมาณสำเนาของเชื้อไวรัสต่ำกว่า 40-75 สำเนา

การตรวจหาปริมาณไวรัสในช่วงที่ใช้ยาต้านไวรัส

ถ้าปริมาณไวรัสไม่ลดลงจนถึงระดับที่ไม่สามารถตรวจพบได้ภายใน 3-6 เดือน นับจากวันที่เริ่มทำการรักษา แพทย์อาจใช้วิธีซักถามถึงวิธีการและเวลาที่คุณใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งไม่ว่าจะรับประทานยาอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ก็อาจต้องตรวจเลือดดูใหม่ เพื่อดูระดับยาต้านไวรัสที่อยู่ในเลือด และเพื่อดูว่าร่างกายของคุณมีการพัฒนา เพื่อต้านทานต่อยาใดๆ หรือไม่ ถ้าปริมาณไวรัสไม่ลดลง ก็อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา

ควรใช้ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการตรวจหาปริมาณเชื้อในเลือด และนี่เป็นอีกหนึ่งหนทาง ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่ายาที่รับประทานอยู่สามารถต่อต้านไวรัสได้ดีหรือไม่

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

What Does a Viral Load Mean. https://hellodoktor.com/health-centre/hivaids-health-center/viral-load-mean/

Hepatitis C (HCV) and Viral Load. https://www.webmd.com/hepatitis/hepatitis-c-viral-load#1

What is human immunodeficiency virus (HIV) viral load?. https://www.webmd.com/hiv-aids/qa/what-is-human-immunodeficiency-virus-hiv-viral-load

เวอร์ชันปัจจุบัน

25/08/2020

เขียนโดย pimruethai

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Pattarapong Khuaphu


บทความที่เกี่ยวข้อง

ยาต้านไวรัสเอชไอวี ผลข้างเคียงของยาและวิธีการรับมือ

ตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV Viral Load Measurement)


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 25/08/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา