หากคุณลองสังเกตตนเองว่าเริ่มมีการเคลื่อนไหวลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง รวมทั้งเริ่มมีอาการเจ็บปวดเมื่อเผลอโดนเสียดสีบริเวณช่องคลอด ควรสำรวจอาการตนเอง และรีบเร่งทำการรักษา หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยด่วน เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงเป็นโรค ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) หรือ โรคฝีในอวัยวะเพศ ได้
คำจำกัดความ
ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) คืออะไร
ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Gland Cyst) สามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า โรคฝีในอวัยวะเพศ ซึ่งมักมีอยู่ในแต่ด้านของภายในช่องคลอด ที่มีหน้าที่ในการผลิตของเหลว หรือสารหล่อลื่นออกมา เพื่อป้องกัน และลดการเสียดสีของเนื้อเยื่อช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
แต่ขณะเดียวกันในระหว่างที่ผลิตน้ำหล่อเลี้ยงออกมานี้มากเกินไป ก็อาจให้เกิดการสะสมนำไปสู่การอุดตันภายในท่อ พร้อมทั้งยังอาจนำพาแบคทีเรียต่าง ๆ อย่าง Escherichia coli (E.coli) เข้าไปภายในจนเกิดการติดเชื้อ จนคุณรู้สึกเจ็บปวดช่องคลอดอย่างมาก
ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ สามารถพบบ่อยได้เพียงใด
ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่อายุ 20-30 ปี นับไดว่าแทบจะเป็นอาการที่เกิดข้นได้ทุกช่วงของการเจริญเติบโตเลยทีเดียว
อาการ
อาการของถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
หากถุงน้ำต่อมบาร์โธลินของคุณเกิดการติดเชื้อ อาจกลับกลายเป็นก้อนเนื้อที่นูนออกมาให้คุณสังเกตได้อย่างง่ายดาย และสามารถเติบโตได้ตั้งแต่ 0.2-1 นิ้ว ส่วนใหญ่แล้วหากผู้ที่อยู่ในภาวะติดเชื้อระดับต่ำ อาจไม่เผยอาการใด ๆ ออกมาให้คุณได้ทราบ แต่หากอยู่ในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้คุณรับรู้ได้ถึงอาการที่ผิดปกติดังต่อไปนี้
- รู้สึกเจ็บปวดบริเวณช่องคลอด พร้อมกับมีก้อนเนื้อ
- ช่องคลอดมีลักษณะเป็นสีแดง
- เคลื่อนไหวลำบาก
- เจ็บช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์
- ไข้ขึ้นสูง
- หนองภายในถุงน้ำต่อมบาร์โธลิน
สาเหตุ
สาเหตุของการเกิดถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
ผู้ป่วยบางรายอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการอุดตันของน้ำหล่อลื่นในถุงน้ำต่อมบาร์โธลิน อีกทั้งยังอาจมาจากการติดเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์ จนทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในช่องคลอด ซึ่งสามารถอาจพัฒนาต่อไปยังให้เกิดโรคหนองในเทียมได้อีกด้วย
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการอักเสบภายในถุงน้ำของคุณอาจมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่บ่อยจนเกินไป และอาจขาดการรักษาสุขอนามัยที่ดี จนทำให้เชื้อแบคทีเรียบางชนิดเข้ามาสู่ภายในช่องคลอดได้โดยง่าย
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยอาการถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
โดยทั่วไปแพทย์อาจทำการตรวจสอบบริเวณก้อนถุงน้ำในช่องคลอดของคุณว่ามีหนอง หรืออาการติดเชื้อใด ๆ ที่รุนแรงหรือไม่ และอาจทำการค้นหาโรคอื่น ๆ ที่แฝงเข้ามาเพิ่มเติม จากการนำเนื้อเยื่อผนังของช่องคลอดเข้าไปตรวจสอบร่วม เพื่อป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงอย่าง โรคเอดส์ โรคมะเร็ง ที่อาจตามมา
การรักษาอาการถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
บ่อยครั้งที่อาการถุงน้ำบาร์โธลินอักเสบแทบจะไม่ต้องการการรักษาใด ๆ แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่การพิจาณาของทางแพทย์ หากผ่านการวินิจฉัยเบื้องต้นจากทางแพทย์แล้วว่าขนาดของก้อนเนื้อคุณจำเป็นที่ต้องการได้รับการรักษา
ทางแพทย์อาจให้คุณใช้ยาปฏิชีวนะที่ช่วยต่อต้านกับเชื้อแบคทีเรียภายในช่องคลอด หรืออาจมีการผ่าตัดเพื่อระบายสิ่งที่อุดตัดในถุงน้ำต่อมบาร์โธลินออกมา เพื่อลดอาการอักเสบ และอาการเจ็บปวดเรื้อรัง
ในบางกรณีอย่างขนาดถุงน้ำต่อมบาร์โธลินมิได้มีขนาดใหญ่โตจนสร้างความเจ็บปวด แพทย์อาจแนะนำให้คุณกลับไปรักษาตนเองที่บ้านได้ โดยควรหมั่นจากแช่น้ำอุ่น หรือการนำลูกประคบอุ่น ๆ มานวดบริเวณก้อนที่นูนออกมา ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน เพื่อให้น้ำอุดตันภายในก้อนถุงน้ำนั้นแตก และยุบลง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองเพื่อป้องกันและรักษาถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบ
ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีการป้องกันที่แน่ชัด แต่การที่ถุงน้ำต่อมบาร์โธลินอักเสบนั้น มีความข้องกับการมีเพศสัมพันธ์อยู่มาก ดังนั้น โปรดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ควรใส่ถุงยางอนามัยป้องกันเสมอ และหมั่นล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังจากทำกิจกรรมร่วมกันเสร็จทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคติดต่ออื่น ๆ ที่อาจตามมา
[embed-health-tool-bmi]