ไอโอดีน เป็นสารอาหารที่ดีต่อสมองและดีต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ด้วย ถ้าหากร่างกายขาดสารไอโอดีนก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เสี่ยงที่จะเป็น โรคขาดสารไอโอดีน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายเรากำลังขาดสารไอโอดีน วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สัญญาณของโรคขาดสารไอโอดีน มาฝากคุณผู้อ่านค่ะ
โรคขาดสารไอโอดีน เป็นอย่างไร
ไอโอดีน (Iodine) เป็นสารอาหารสำหรับร่างกายที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งถ้าร่างกายขาดสารไอโอดีนก็จะมีอาการตั้งแต่โรคคอพอก ปัญหาที่เกี่ยวกับไทรอยด์ รวมถึงมีผลต่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ด้วย
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่รับประทานไอโอดีนในปริมาณที่เพียงพอทั้งต่อแม่และเด็ก ทารกที่เกิดมาก็เสี่ยงที่จะมีภาวะขาดไอโอดีนตั้งแต่กำเนิด ไปจนถึงมีพัฒนาการที่ช้า หรือเป็นโรคเอ๋อ อาการโดยรวมต่างๆ เหล่านี้อยู่ในหมวดหมู่ของอาการทางสุขภาพที่เรียกว่า โรคขาดสารไอโอดีน
สัญญาณของโรคขาดสารไอโอดีน มีอะไรบ้าง
มีอาการคอบวม
หากร่างกายขาดสารไอโอดีน อาการแรกๆ ที่มักจะเกิดขึ้นก็คือคอมีอาการบวมหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ โรคคอพอก (Goiter) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายมีสารไอโอดีนไม่เพียงพอที่จะผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน และเมื่อต่อมไทรอยด์ไม่สามารถผลิตไทรอยด์ฮอร์โมนได้เพียงพอ ต่อมไทรอยด์ก็จำเป็นจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ให้ทันต่อความต้องการของร่างกาย จนกระทั่งต่อมไทรอยด์เกิดอาการบวมโตขึ้นจากการทำงานหนัก จึงส่งผลให้บริเวณคอเกิดอาการบวมออกมาในที่สุด
น้ำหนักขึ้นและลงอย่างผิดปกติ
อาการขาดสารไอโอดีนนั้นมีผลโดยตรงต่อต่อมไทรอยด์ และเมื่อต่อมไทรอยด์มีปัญหา ระบบเผาผลาญก็จะเกิดปัญหาตามมาด้วย เนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบเผาผลาญ หากฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ในระดับต่ำ ระบบเผาผลาญของร่างกายก็จะลดต่ำลงตามไปด้วย ทำให้ปริมาณแคลอรี่ในร่างกายเผาผลาญออกไปไม่หมดและกลายเป็นไขมันที่จะมีผลต่อการขึ้นลงของน้ำหนัก
ผมร่วง
ฮอร์โมนไทรอยด์ทำหน้าที่สำคัญหลายหน้าที่ต่อร่างกายอีกหนึ่งหน้าที่ก็คือการควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นขน หากร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์ในระดับต่ำ และเป็น โรคขาดสารไอโอดีน ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงและยังส่งผลให้อัตราการงอกใหม่ของเส้นผมน้อยลงด้วยเหมือนกัน
รู้สึกหนาวมากกว่าปกติ
ร่างกายจะมีอาการไวต่อความเย็นมากขึ้นหากมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ลดต่ำลงเนื่องจากการมีสารไอโอดีนในร่างกายไม่เพียงพอ ทั้งนี้เพราะร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง เมื่อเผาผลาญได้น้อยลง การผลิตความร้อนในร่างกายที่ได้จากการเผาผลาญก็ลดลงด้วย จึงทำให้เมื่อสัมผัสอากาศเย็นจะรู้สึกหนาวกว่าปกตินั่นเอง
อัตราการเต้นของหัวใจเกิดการเปลี่ยนแปลง
การขาดสารไอโอดีนของร่างกาย จะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นไปได้ช้าลง หรือหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย และเป็นลมได้ง่ายขึ้นด้วย
มีปัญหาในเรื่องความจำ
ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และความจำ มีผลการวิจัยพบว่าผู้ที่มีระดับของไทรอยด์ฮอร์โมนในปริมาณที่สูง จะมีทักษะในการทำแบบทดสอบ หรือเรียนรู้ได้เร็ว เพราะฮอร์โมนไทรอยด์นั้นมีผลต่อสมองโดยตรง ดังนั้นผู้ที่มีระดับของฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ หรือเป็น โรคขาดสารไอโอดีน ก็จะมีพัฒนาการทางด้านการเรียนหรือความจำที่ช้ากว่า
เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขณะตั้งครรภ์
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีสารไอโอดีนในร่างกายไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อเด็กที่อยู่ในครรภ์และต่อตัวของคุณแม่เองด้วย สำหรับเด็กนั้นจะมีผลต่อสมอง และพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ ส่วนคุณแม่นั้นก็จะรู้สึกอ่อนเพลียง่าย รู้สึกหนาวง่าย รวมถึงอาจรุนแรงถึงขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของเด็กในครรภ์ด้วย
ประจำเดือนมามากผิดปกติ
สำหรับผู้หญิงหากร่างกายมีภาวะของ โรคขาดสารไอโอดีน ก็อาจมีผลทำให้ประจำเดือนนั้นมีมากกว่าปกติ และเนื่องจากไอโอดีนมีความสัมพันธ์กับต่อมไทรอยด์ ถ้าหากขาดไอโอดีนก็จะทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ เมื่อระดับของฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ก็จะเกิดการรบกวนฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการมีประจำเดือน ดังนั้นเมื่อมีประจำเดือนก็อาจจะพบว่ามีประจำเดือนมากผิดปกติ
รู้สึกอ่อนเพลียง่าย
ฮอรโมนไทรอยด์เองก็ทำหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย แต่ถ้าไทรอยด์ฮอร์โมนมีระดับต่ำลง พลังงานของร่างกายก็มีแนวโน้มจะลดลงด้วย ผู้ที่เป็น โรคขาดสารไอโอดีน จึงมักจะรู้สึกอ่อนเพลียง่ายขึ้นนั่นเอง
ผิวแห้งเป็นขุย
ไอโอดีนก็มีผลต่อเซลล์ผิวด้วย หากร่างกายขาดสารไอโอดีนเซลล์ผิวเกิดใหม่น้อยลง ฮอร์โมนไทรอยด์ที่ลดต่ำลงก็จะไปทำให้เหงื่อลดน้อยลง ความชุ่มชื้นของผิวก็จะลดลง จึงทำให้เกิดอาการผิวแห้งเป็นขุย
วิธีป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน
วิธีป้องกัน โรคขาดสารไอโอดีน อย่างง่ายที่สุดนั่นก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่ให้สารไอโอดีน เช่น สาหร่ายทะเล มันฝรั่ง ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารทะเล ปลาต่างๆ หรือที่ง่ายที่สุดก็คือเกลือเสริมไอโอดีน
นอกเหนือจากนี้ อาจจำเป็นต้องมีการรับประทานไอโอดีนในรูปแบบของอาหารเสริม ซึ่งโดยมากแล้วไม่ถือว่ามีความจำเป็น แต่ผู้ที่อาจจำเป็นจะต้องเพิ่มสารไอโอดีนด้วยวิธีนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองและทารกขาดสารไอโอดีน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอ เภสัชกร และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานอาหารเสริมไอโอดีนเสมอ
[embed-health-tool-bmi]