ปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุ สามารถพบได้บ่อยเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป และอาการอาจรุนแรงขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นกะทันหัน หรือขยับศีรษะเร็วเกินไป อาจมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และรู้สึกยืนไม่มั่นคง เป็นเหตุที่อาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดการหกล้มและก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ โดยอาจมีหลายสาเหตุที่เป็นปัจจัยในการเกิดปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุ
ปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุ อันตรายอย่างไร
ปัญหาการทรงตัวและการหกล้มถือเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุ เพราะหากผู้สูงอายุสูญเสียการทรงตัว อาจเกิดเหตุการณ์อันตรายต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดได้ ไม่ว่าจะเป็น การบาดเจ็บทางร่างกาย และอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มีอาการบ้านหมุน หรือสายตาที่พร่ามัว อย่างไรก็ตามควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยว่ามีปัญหาด้านการทรงตัวหรือไม่ และมีสาเหตุอย่างไร เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
สาเหตุ ปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุ
สาเหตุของการเสียการทรงตัวในผู้สูงอายุ มีหลายปัจจัย โดยอาจเกี่ยวข้องกับสัญญาณหรืออาการที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจประกอบไปด้วย
- การเปลี่ยนแปลงตามวัย คือ การเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงานของระบบประสาท และระบบกลไกของสมองส่วนกลาง โดยเฉพาะการสูญเสียเซลล์ประสาทรับสัมผัสของหูชั้นใน หากมีปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง อาจมีความเสี่ยงที่จะเสียสมดุลมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต โดยการยืนหรือนั่งเร็วเกินไปอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ โดยอาการต่าง ๆ อาจหายไปเมื่อความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติ
- การไหลเวียนของโลหิต เมื่อร่างกายไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนช้าลง ออกซิเจนไม่สามารถหล่อเลี้ยงไปยังสมอง กล้ามเนื้อ และอวัยวะได้ตามปกติ ซึ่งอาจทำให้เสียการทรงตัว
- การอักเสบของหูชั้นใน (labyrinthitis) เกิดจากการอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย โดยมีอาการเวียนศีรษะ และสูญเสียการทรงตัว
- โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติ หรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) โดยมีอาการเวียนศีรษะรุนแรงและรู้สึกบ้านหมุนร่วมด้วย บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ รวมถึงอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน
การป้องกันปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุ
การป้องกันปัญหาการทรงตัวในผู้สูงอายุอาจยังไม่แน่ชัด แต่อาจสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยการเกิดได้ เช่น
- หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้ง่วงซึม หรือทำให้ความดันโลหิตตก เช่น ยาสำหรับโรคความดันโลหิตสูง ยาที่ใช้รักษาอาการเกี่ยวกับระบบประสาท ยาแก้แพ้ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะหยุดยา เพราะยาบางชนิดอาจจำเป็นที่จะต้องรับประทาน และเสี่ยงต่อปัญหาอื่น ๆ หากหยุดยาเอง
- ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ เช่น ไทชิ โยคะ สควอต เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและยังอาจช่วยในเรื่องการทรงตัว
- ตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำ เพื่อตรวจเช็คปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยควรตรวจทุกปี
- ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำมีพื้นกันลื่น เพิ่มแสงสว่างให้เพียงพอ และเพิ่มราวจับ
- ระมัดระวังการเดิน การวิ่ง หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อลดปัจจัยการหกล้มของผู้สูงอายุ
[embed-health-tool-bmi]