วิตามินบำรุงผม มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วตามิซี วิตามินเอ วิตามินบี ซึ่งช่วยให้ผมมีสุขภาพดี เงางาม นอกจากนี้ ยังอาจช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวของกับผม เช่น ผมแห้ง ผมขาดหลุดร่วง ผมแห้ง โดยวิตามินบำรุงผมอาจพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมด้วยวิตามิน อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรง
วิตามินบำรุงผม เพื่อผมสวยสุขภาพดี
สำหรับวิตามินบำรุงผมที่ช่วยให้ผมสวยสุขภาพดี อาจมีดังนี้
วิตามินเอ
วิตามินเออาจจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ และเส้นผม รวมถึง ยังอาจช่วยส่งเสริมการผลิตไขมันบนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นน้ำมันตามธรรมชาติที่ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื่นเงางาม มีสุขภาพดี โดยวิตามินเออาจพบได้มากในแครอท มันหวาน ฟักทอง คะน้า โยเกิร์ต นม และไข่ อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินเอมากเกินไปก็อาจทำให้ผมร่วงได้
โดยปริมาณวิตามินเอที่ควรได้รับในแต่ละวัน สำหรับในแต่ละช่วงวัย อาจมีดังนี้
- เด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรได้รับวิตามินเอ 400 ไมโครกรัม/วัน
- ทารกอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับวิตามินเอ 500 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 300 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 400 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 9-13 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 600 ไมโครกรัม/วัน
- ผู้หญิงอายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 700 ไมโครกรัม/วัน และผู้ชายควรได้รับวิตามินเอ 900 ไมโครกรัม/วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์อายุ 14-18 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 750 ไมโครกรัม/วัน และอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 770 ไมโครกรัม/วัน
- ผู้หญิงให้นมบุตรอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรได้รับวิตามินเอ 1,200 ไมโครกรัม/วัน และอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 1,300 ไมโครกรัม/วัน
วิตามินซี
วิตามินซีเป็นอีกหนึ่งวิตามินบำรุงผมที่ควรได้รับอย่างเพียงพอ ซึ่งวิตามินซีมีเป็นส้รานต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยชะลอการหงอกของเส้นผม นอกจากนี้ การรับประทานวิตามินซีเป็นประจำให้ปริมาณที่พอเหมาะ ยังอาจช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้กระชับเนื้อเยื่อของเส้นผมและเสริมสร้างโครงสร้างเส้นผม ทำให้ผมสุขภาพดีขึ้น โดยวิตามินซีอาจพบได้มากในผักและผลไม้ เช่น เชอร์รี่ กล้วย แอปเปิล องุ่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะละกอ มะเขือเทศ บร็อคโคลี กะหล่ำดอก
โดยปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในแต่ละวัน สำหรับในแต่ละช่วงวัย อาจมีดังนี้
- ทารก 0-6 เดือน ควรได้รับวิตามินซี 40 มิลลิกรัม/วัน
- ทารก 7-12 เดือน ควรได้รับวิตามินซี 50 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับวิตามินซี 15 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินซี 25 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 9-13 ปี ควรได้รับวิตามินซี 45 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กผู้หญิงอายุ 14-18 ปี ควรได้รับวิตามินซี 65 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กผู้ชายอายุ 14-18 ปี ควรได้รับวิตามินซี 75 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้ใหญ่เพศหญิงอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินซี 75 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้ใหญ่เพศชายอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินซี 90 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับวิตามินซี 80-85 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้หญิงให้นมบุตร ควรได้รับวิตามินซี 115-120 มิลลิกรัม/วัน
วิตามินอี
วิตามินอีอาจช่วยเพิ่มกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม ซึ่งการรับประทานวิตามินอีเป็นประจำ อาจช่วยให้เส้นผมกลับมาเจริญเติบโตได้ภายใน 8 เดือน โดยวิตามินอีอาจวิตามินพบได้ในอาหารต่าง ๆ เช่น อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ผักโขม อัลมอนด์ ไข่แดง นม ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน
โดยปริมาณวิตามินอีที่ควรได้รับในแต่ละวัน สำหรับในแต่ละช่วงวัย อาจมีดังนี้
- เด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรได้รับวิตามินอี 400 มิลลิกรัม/วัน
- ทารกอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับวิตามินอี 5 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับวิตามินอี 6 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับวิตามินอี 7 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 9-13 ปี ควรได้รับวิตามินอี 11 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินอี 15 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์อายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินอี 15 มิลลิกรัม/วัน
- ผู้หญิงให้นมบุตรอายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินอี 19 มิลลิกรัม/วัน
วิตามินบี
วิตามินบี หรือ โบไบโอติน อาจช่วยลดปัญหาผมร่วงจากการขาดไบโอติน และอาจช่วยให้เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงหนังศีรษะ และรูขุมขน ซึ่งอาจช่วยทำให้หนังศีรษะแข็งแรง ผมไม่ขาดหลุดร่วง ซึ่งวิตามินบีอาจพบได้ในธัญพืช ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ นนและผลิตภัณฑ์จากนม
[embed-health-tool-bmr]