วิตามินบี 3 ไนอาซิน (Niacin)
วิตามินบี 3 หรือ ไนอาซิน มีคุณสมบัติละลายในน้ำ ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ (Coenzyme) ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน สร้างคอเลสเตอรอลและไขมัน สร้างและซ่อมแซม DNA และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การขาดวิตามินบี 3 เรื้อรังทำให้เกิดโรคเพลลากรา (Pellagra) คือโรคที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดวิตามินไนอะซิน ซึ่งอาจทำให้มีอาการ ท้องร่วง สมองเสื่อม (Dementia) โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) และเสียชีวิต
ปริมาณที่แนะนำ ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไปควรรับประทาน 14 มิลลิกรัม/วัน และผู้หญิงในช่วงอายุเดียวกัน 18 มิลลิกรัม/วัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรรับประทาน 17 มิลลิกรัม/วัน
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 มีดังนี้
- อาหารที่เป็นโปรตีน เช่น เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อหมู สัตว์ปีก ปลา ไข่ นม
- ธัญพืช ข้าวกล้อง พืชตระกูลถั่ว เมล็ดพืช
- กล้วย
- เห็ด
วิตามินบี 5 กรดแพนโทธีนิก (Pantothenic acid)
วิตามินบี 5 หรือ กรดแพนโทธีนิก ช่วยสร้างโคเอนไซม์เอ (CoA) ซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมีที่ช่วยให้เอนไซม์สร้างและสลายกรดไขมัน สร้างโปรตีน และช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน กรดแพนโทธีนิกอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด หากขาดวิตามินบี 5 อาจทำให้เกิดอาการชา แสบร้อนที่มือและเท้า ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน มีปัญหาในการนอน และเบื่ออาหาร
ปริมาณที่แนะนำ ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไปควรรับประทาน 5 มิลลิกรัม/วัน และผู้หญิงในช่วงอายุเดียวกัน 5 มิลลิกรัม/วัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรรับประทาน 6 มิลลิกรัม/วัน และผู้ที่ให้นมบุตรควรรับประทาน 7 มิลลิกรัม/วัน
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 5 มีดังนี้
- เนื้อวัว ตับ อกไก่
- โยเกิร์ต นม ไข่
- พืชตระกูลถั่ว ธัญพืช ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
- มันฝรั่ง บร็อคโคลี่ อะโวคาโด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย