โดยปกติ ตะคริว (Muscle cramp) มักเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างแรง และทำให้รู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายของเรา ความเจ็บปวดและไม่สบายนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องธรรมดาพื้นฐานของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้กระทั่งตอนนอนหลับ ซึ่งอาการอาจกินเวลานานหลายวินาทีจนถึงหลายนาที นอกจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่จะช่วยบรรเทาอาการตะคริวแล้ว การเลือกรับประทานอาหารบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้เหมือนกัน ดังนั้น Hello คุณหมอ ได้รวบรวมอาหารที่ช่วยต้านอาการตะคริวมาฝากกันในบทความนี้
อาการ ตะคริว ขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร
มีคำอธิบายทางการแพทย์ว่าทำไมถึงเกิดอาการตะคริวขึ้นโดย ดร.ริซาล โมดห์ ราซมาน (Dr Rizal Mohd Razman) อาจารย์ผู้บรรยายอาวุโสของศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า การขาด โพแทสเซียม (Potassium) และ แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดตะคริว การขาดสารทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นได้เมื่อเราเหงื่อออกมากและร่างกายขาดน้ำ ซึ่งทำให้เกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อได้
โพแทสเซียมทำหน้าที่เป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นสารนำไฟฟ้าและช่วยสนับสนุนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การรักษาสมดุลของความดันโลหิต ในขณะที่ข้อมูลจากการวิจัยจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็นว่า แมกนีเซียมจะลดการเกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อได้โดยทางอ้อม แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
อยาก ป้องกันตะคริว ที่อาจเกิดขึ้น อาหารเหล่านี้ช่วยคุณได้
สำหรับอาหารป้องกันตะคริวนั้นมีราคาไม่แพง หารับประทานได้ง่าย แถมยังอุดมไปด้วย โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม อาจมีส่วนช่วยในการควบคุมอาการตะคริวด้วย และอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการตะคริวซ้ำ ได้เป็นอย่างดี ลองมาดูกันเลยว่ามีอะไรที่คุณควรเลือกรับประทานบ้าง
1. กล้วย
ผลไม้สีเหลืองชนิดนี้สามารถพบได้ทั่วโลก รับประทานง่าย หาง่ายและราคาถูก กล้วยมีโพแทสเซียมและเส้นใยสูงด้วย ทั้งยังย่อยง่ายและช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อขาดเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบิน
2. ส้ม
เป็นผลไม้กลุ่มซิตรัส อยู่ในตระกูลเดียวกับมะนาว ส้มโอ และเกรปฟรุต ส้มขนาดกลางหนึ่งผลมีโพแทสเซียม 250 มก. ส้มยังเป็นหนึ่งในผลไม้วิตามินซีสูงด้วย และดีกับสุุขภาพผิวของคุณ ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอล รวมทั้งเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เปลือกส้มที่ตามปกติเรามักโยนทิ้งไปมีเส้นใยมากกว่าเนื้อของผลส้มเสียอีก
3. ถั่วและพืชมีฝัก
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าความแตกต่างของถั่วกับพืชมีฝักคืออะไร?
พืชประเภทถั่ว จะมี 1-2 เมล็ดในฝักหรือเปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ และต้องถูกทุบให้แตกก่อนที่เราจะสามารถนำเมล็ดออกมาได้ ขณะที่พืชมีฝักมักจะมีมากกว่า 3 เมล็ด และเปลือกจะเปิดออกเองเมื่อสุกหรือแก่ ปกติถั่วจะมีราคาแพงกว่าพืชมีฝักเล็กน้อย และถั่วก็มีหลายประเภท ตั้งแต่แมคคาเดเมีย เฮเซลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และพิสตาชิโอ ส่วนพืชมีฝักจะมีราคาถูกกว่า เช่น ถั่วแดงหลวง ถั่วเลนทิล และถั่วดำ ถั่วปริมาณ 100 กรัม มีแมกนีเซียมร้อยละ 57 และโพแทสเซียม 632 มิลลิกรัม
ผักโขม
ผักโขม อาหารเพิ่มพลังของตัวการ์ตูนสุดคลาสสิกอย่างป็อปอายที่กินเมื่อไหร่แล้วก็ร่างกายมีกำลังวังชาพร้อมสู้ทุกครั้ง กล่าวได้ว่า ผักโขม ถือเป็นผักที่มีประโยชน์มาก ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของผักโขมบรรจุกระป๋องหรือผักสด ผักโขมผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ และแร่ธาตุ ทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำด้วย การรับประทานผักโขมทุกๆ 100 กรัม คุณจะได้รับโพแทสเซียมปริมาณ 558 มก. ลองผสมผักโขมลงไปในสมูทตี้หรือในมื้ออาหารของคุณดูบ้าง แล้วจะเห็นว่าสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลต แตกต่างไปจากขนมหวานชนิดอื่นๆ ตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เนื่องจากดาร์คช็อกโกแลตมีโกโก้บัตเตอร์ในปริมาณสูง และเกือบไม่มีน้ำตาลผสมเลย เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก โดยดาร์คช็อกโกแลตแบบแท่งทุก 100 กรัม จะประกอบด้วยแมกนีเซียมร้อยละ 58
ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งอีกอย่าง คือ ดาร์กช็อกโกแลตช่วยทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้ถึงร้อยละ 57 เมื่อบริโภคดาร์กช็อกโกแลต 5 ครั้งหรือมากกว่าในหนึ่งสัปดาห์ หากคุณต้องการขนมหวานแต่ยังคำนึงถึงสุขภาพ ดาร์กช็อกโกแล็ต ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในท้องตลาดยังมีอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์อีกมากมาย ที่ช่วยลดโอกาสในการเป็นตะคริวกล้ามเนื้อ อาหารทั้ง 5 อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เป็นเพียงอาหารชนิดที่มีแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในระดับสูง และถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเพราะราคาประหยัด
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการ ป้องกันตะคริว
นอกเหนือจากการเลือกรับประทานและรับประทานอาหารที่สะอาดแล้ว การได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอก็มีบทบาทสำคัญในการ ป้องกันตะคริว ด้วยเช่นกัน เพราะการขาดน้ำในร่างกายจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) และส่งผลกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ ดังนั้น อย่าลืมดื่มน้ำให้มากขึ้น
[embed-health-tool-bmr]