backup og meta

อาหารบำรุงตับ และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 23/09/2021

    อาหารบำรุงตับ และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

    อาหารบำรุงตับ เป็นอาหารที่อาจช่วยปรับสมดุลและเสริมสร้างการทำงานของตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ดีต่อตับ อาจช่วยปกป้องตับจากสารพิษ ไขมัน แป้ง ซึ่งส่งผลทำให้ตับทำงานหนักและอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคตับและมะเร็งตับได้

    อาหารบำรุงตับ ที่ควรรับประทาน

    • กาแฟ

    มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า กาแฟ อาจช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ตับ ในการกำจัดสารก่อมะเร็งในร่างกาย นอกจากนี้การดื่มกาแฟทุกวันอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคตับเรื้อรัง ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ และปัญหาตับอื่น ๆ เช่น โรคไขมันพอกตับ (Non-alcoholic fatty liver disease :NAFLD)

  • ชาเขียว

  • งานวิจัยหนึ่งระบุว่า ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า คาเทชิน (Catechins) ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งตับ และมะเร็งบางชนิด ทั้งนี้การดื่มชาเขียวแท้จากธรรมชาติ อาจส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าสารสกัดจากชาเขียว หรือชาเขียวแปรรูป เพราะการสกัดหรือการแปรรูปอาจทำลายคุณประโยชน์ในชาเขียวได้

  • ถั่ว

  • ถั่ว อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ สารเหล่านี้อาจช่วยบำรุงตับให้แข็งแรง และมีงานวิจัยระบุว่า อาจช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับได้ และลดการอักเสบได้อีกด้วย

    • ข้าวโอ๊ต

    งานวิจัยหนึ่งระบุว่า ข้าวโอ๊ต มีเบต้ากลูแคน (Beta-glucans) สูง และมีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อย ช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินและไขมันหน้าท้อง ซึ่งอาจทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้นและช่วยป้องกันโรคตับได้ นอกจากนี้เบต้ากลูแคนยังมีฤทธิ์ช่วยปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการอักเสบ และช่วยป้องกันโรคอ้วนและโรคเบาหวานได้อีกด้วย

    ควรรับประทานข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการแปรรูป เพราะข้าวโอ๊ตแปรรูปอาจเติมแป้ง หรือน้ำตาลที่ส่งผลเสียต่อตับได้

    • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

    ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า โพลิฟินอล (Polyphenols) ซึ่งอาจช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ โรคอ้วนและคอลเลสตอรอลสูง นอกจากนี้ยังอาจช่วยบรรเทาอาการพังผืดในตับได้อีกด้วย

    สารโพลิฟินอลนอกจากจะพบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่แล้ว ยังอาจพบได้ในอาหารอื่น ๆ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต มะกอก พลัม

    • ส้มโอ

    ส้มโอ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 2 ชนิด คือ นารินจิน (Naringin) และนารินจินิน (Naringenin) ซึ่งช่วยป้องกันตับอักเสบ ปกป้องเซลล์ตับ และป้องกันโรคไขมันพอกตับที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก

    สำหรับผู้ที่ต้องกินยารักษาโรคบางชนิดควรปรึกษาคุณหมอก่อนกินส้มโอ เนื่องจากยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยาต่อส้มโอ และทำให้สารอาหารในส้มโอถูกทำลาย หรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลงได้

    • น้ำมันปลา

    การรับประทานปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน หรืออาหารเสริมน้ำมันปลา มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า อาจช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับที่ไม่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการสะสมของไขมันส่วนเกิน และรักษาระดับเอนไซม์ ในตับอีกด้วย

    • น้ำมันมะกอก

    มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า การกินน้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันดี อาจช่วยปรับปรุงการทำงานของตับและช่วยลดโอกาสเกิดภาวะเครียดจากออกซิเดชัน (Oxidative stress) ที่ทำให้อนุมูลอิสระและสารอันตรายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และอาจทำให้เซลล์เสื่อมเร็วขึ้น

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

    อาหารที่อาจส่งผลเสียต่อตับ หรือเพิ่มความเสี่ยงโรคตับและมะเร็งตับที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้

    • อาหารประเภทแป้ง และมีเส้นใยต่ำ เช่น ขนมปังขาว พาสต้า ขนมเค้ก
    • น้ำตาลและเกลือ เช่น อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์แปรรูป ขนมหวาน ลูกอม
    • อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวจำนวนมากอาจทำให้ตับอักเสบ และนำไปสู่โรคตับแข็งได้
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    การลดอาหารจำพวกนี้จะช่วยลดสารพิษเข้าสู่ร่างกาย และลดการทำงานของตับ ให้ตับได้หยุดพักและฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 23/09/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา