ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่แพร่ระบาดเป็นประจำในฤดูหนาว เมื่อเป็นแล้วมักมีอาการคล้ายโรคหวัดธรรมดา แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่อาจป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน หากถามว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดไหม? คำตอบคือควร เพราะวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตได้ด้วย
[embed-health-tool-bmi]
ไข้หวัดใหญ่ คืออะไร
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza หรือ Flu) เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) ซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา เช่น ไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม ไข้ขึ้น เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ แต่ในระดับที่รุนแรงกว่า
ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่จัดเป็นโรคที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในฤดูหนาว และมักหายเองได้ภายใน 7-14 วัน
อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดใหญ่อาจเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น โรคปอดอักเสบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดไหม
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนที่ควรฉีด เพราะช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ในอัตรา 40-60 เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยลดความรุนแรงของอาการ รวมถึงโอกาสเสียชีวิตจากการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรฉีดทุกปี เพราะเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้นมักมีการกลายพันธุ์ และการฉีดวัคซีนที่ผลิตใหม่ทุกปี จะช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในปีนั้น ๆ ได้
ทั้งนี้ ผู้ที่สามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ควรมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่มากกว่าคนทั่วไป ควรได้รับวัคซีนทุกปี ได้แก่
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
- ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือมีแผนจะตั้งครรภ์ในช่วงที่โรคไข้หวัดใหญ่ระบาด
- ผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ผู้เป็นโรคอ้วน หรือมีค่าดัชนีมวลกาย 40 ขึ้นไป
- ผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง โรคเกี่ยวกับปอด
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดที่ไหน
ทุกคนสามารถฉีดวัคซีน ไข้หวัดใหญ่ ได้ตามสถานที่ต่าง ๆ ดังนี้
- โรงพยาบาลเอกชนและของภาครัฐ ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพของแต่ละตำบล
- คลินิกเอกชน
- ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ต่าง ๆ
ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่
หลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการข้างเคียงซึ่งมักหายไปเองภายใน 2-3 วัน ดังต่อไปนี้
- ปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- ปวดหัว
- เป็นไข้
- คลื่นไส้
- ปวดกล้ามเนื้อ
- หน้ามืด
นอกจากนี้ บางรายยังอาจมีอาการแพ้ระดับรุนแรง ซึ่งมักพบหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง หากเกิดอาการควรไปพบคุณหมอทันที
ทั้งนี้ สำหรับอาการแพ้ระดับรุนแรง ได้แก่
- หายใจไม่ออก
- เสียงแหบ
- ดวงตาหรือปากบวม
- ผื่นลมพิษ
- ผิวซีด
- ร่างกายอ่อนแรง
- หัวใจเต้นเร็ว
- วิงเวียน
ใครบ้างที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
แม้วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะสามารถฉีดให้กับคนทุกกลุ่มและทุกช่วงอายุ แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ไม่ควรเข้ารับการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เช่น
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน
- ผู้ที่มีอาการแพ้สารประกอบในวัคซีน อย่างเจลาตินหรือยาฆ่าเชื้อ ในระดับรุนแรงหรือระดับที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนระดับรุนแรง จากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครั้งก่อนหน้า
การป้องกันโรค ไข้หวัดใหญ่ แบบอื่น
นอกจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ล้างมือสม่ำเสมอ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที/ครั้ง หรืออาจเลือกทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสกับตา จมูก ปาก เพราะอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แล้วทำให้ติดเชื้อได้
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด หรือที่ที่มีคนหนาแน่นโดยเฉพาะในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่
- ทำความสะอาดจุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่