Hyperventilation Syndrome หรือกลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไป หมายถึงการมีภาวะหายใจเร็วเกินไป โดยเป็นการหายใจถี่กว่าปกติซึ่งมักส่งผลให้ร่างกายขาดคาร์บอนไดออกไซด์ นำไปสู่อาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวล ความเครียด หรือโรคแพนิค ทั้งนี้ วิธีรักษา คุณหมอมักแนะนำให้ฝึกการหายใจรูปแบบต่าง ๆ หรือจ่ายยาสำหรับบรรเทาภาวะวิตกกังวลให้รับประทาน
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
Hyperventilation Syndromeคืออะไร
Hyperventilation Syndrome หรือกลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไป เป็นความผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจ โดยผู้ป่วยจะหายใจออกเร็วถี่และหายใจเข้าลึกกว่าปกติ มีผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายเหลือน้อย และส่งผลกระทบให้เซลล์ประสาททำงานผิดปกติ รวมถึงเลือดไหลเวียนไปยังหัวใจและสมองได้ไม่สะดวก ทำให้ร่างกายมีอาการต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ปกติแล้ว กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปมักแสดงอาการเป็นครั้งคราว โดยมักสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวลหรือแรงกดดัน โดยกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้หญิงอายุระหว่าง 15-30 ปี
อาการ
อาการของHyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไป มักแสดงอาการดังต่อไปนี้
- หายใจไม่อิ่ม หรือรู้สึกว่ายังได้รับอากาศไม่เพียงพอ
- หายใจหอบถี่
- หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
- หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม
- เจ็บหรือแน่นหน้าอก
- มือหรือเท้าชา
- เกร็ง มือหงิกงอ
- แน่นท้อง
สาเหตุ
สาเหตุของ Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปมักเป็นผลมาจากความวิตกกังวล ความเครียด หรือโรคแพนิค และยังอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- การใช้สารกระตุ้น
- การบริโภคยาเกินขนาด
- ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
- การตั้งครรภ์
- การติดเชื้อที่ปอด รวมถึงป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับปอดอย่างโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetic Ketoacidosis)
- ศีรษะได้รับบาดเจ็บ
- การเดินทางไปอยู่ในที่ที่มีระดับความสูงเหนือกว่า 6,000 ฟุต (1,828 เมตร)
- จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ
ควรไปพบคุณหมอ โดยเฉพาะหากพบว่าภาวะหายใจเร็วเกินไปมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ผิดปกติ ดังนี้
- เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึกแล้วเจ็บกว่าเดิม
- หายใจไม่ออก หรือหายใจลำบาก
- หัวใจเต้นเร็ว
- ไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่น
- เป็นลม หมดสติ
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย Hyperventilation Syndrome
ในการวินิจฉัยกลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไป คุณหมอจะสอบถามอาการคนไข้ ประวัติสุขภาพ การใช้ยา การผ่าตัด และโรคประจำตัว ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจขอตรวจเลือดหรือเอกซเรย์หากสงสัยว่ามีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ
รวมทั้งเพื่อตรวจระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
การรักษา Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปมักได้รับการรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การฝึกหายใจแบบต่าง ๆ เช่น การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องแทนหน้าอก การหายใจทางรูจมูกโดยปิดปากไว้ การกลั้นหายใจครั้งละ 10-15 วินาทีแล้วค่อยผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ
- การลดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายหรือเข้ารับการบำบัดกับจิตแพทย์ การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ เพื่อฝึกให้จิตใจสงบ
- การรับประทานยาเพื่อบรรเทาภาวะวิตกกังวล เช่น อัลปราโซแลม (Alprazolam) ด็อกเซปิน (Doxepin) พาร็อกซีทีน (Paroxetine)
- การพูดคุยกับเพื่อนหรือระบายความในใจกับคนที่ไว้ใจได้ เพื่อรับฟังคำปลอบโยนที่อาจช่วยให้รู้สึกดีมีกำลังใจ คลายความวิตกกังวล
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน Hyperventilation Syndrome
กลุ่มอาการหายใจเร็วเกินไปอาจป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ผ่อนคลายจิตใจด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือไทเก๊ก เพื่อสร้างความสงบ ผ่อนคลาย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ด้วยการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
- หายใจด้วยวิธีที่คุณหมอแนะนำให้ฝึก หากเริ่มหายใจเร็วหรือลึกกว่าปกติ
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง