backup og meta

เสมหะมีเลือดปน เกิดจากอะไร อันตรายไหม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 30/05/2023

    เสมหะมีเลือดปน เกิดจากอะไร อันตรายไหม

    อาการไอแล้ว เสมหะมีเลือดปน หรือเสมหะเป็นสีแดง อาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยในลำคอแตกหลังไออย่างรุนแรง ซึ่งพบได้ในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ การอักเสบเรื้อรังในปอด โดยส่วนใหญ่ ไอแล้วมีเสมหะปนเลือดมักไม่ได้เกิดจากภาวะสุขภาพที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม หากอาการไอแล้วเสมหะมีเลือดปนเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ร่วมกับมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

    เสมหะมีเลือดปน คืออะไร

    เสมหะมีเลือดปนเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อไอแล้วพบว่าเสมหะหรือน้ำลายมีเลือดปนออกมา เลือดอาจเป็นสีชมพู สีแดง หรือสีสนิม มักออกในปริมาณน้อยและเป็นฟอง เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่มักไม่ใช่อาการรุนแรงหรือเป็นอันตราย เช่น มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในทางเดินหายใจ ทางเดินหายใจระคายเคืองจากการสูบบุหรี่ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด แต่หากเป็นเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ ควรไปหาคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

    เสมหะมีเลือดปน ต่างจาก อาเจียนเป็นเลือด อย่างไร

    เสมหะมีเลือดปนแตกต่างไปจากการอาเจียนเป็นเลือด (Hematemesis) ตรงที่อาการไอแล้วพบว่าเสมหะมีเลือดปนเล็กน้อย มักเป็นเลือดที่มาจากเส้นเลือดฝอยแตกภายในปากหรือลำคอหลังจากมีอาการไอเรื้อรัง ส่วนอาการอาเจียนเป็นเลือด มักเกี่ยวข้องกับอาการเลือดออกภายในที่อาจเกิดจากหลอดเลือดของอวัยวะในร่างกายบริเวณระบบทางเดินอาหารส่วนบนเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นที่เรียกว่าดูโอดีนัม (Duodenum) ซึ่งควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาอย่างตรงจุด

    เสมหะมีเลือดปน เกิดจากอะไร

    โดยทั่วไปแล้ว อาการไอแล้วพบว่าเสมหะมีเลือดปน มักสัมพันธ์กับการติดเชื้อบางอย่าง หรือภาวะสุขภาพที่พบได้บ่อย เช่น

    • โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) เกิดจากเยื่อบุหลอดลมซึ่งเป็นส่วนที่นำอากาศเข้าและออกจากปอดอักเสบ ทำให้หลอดลมบวมและตีบ ส่งผลให้อากาศไหลผ่านได้ยากขึ้น อาจมีอาการหายใจลำบาก ไออย่างหนัก และอาจพบว่าเสมหะมีเลือดปน เป็นต้น
    • โรคปอดอักเสบ หรือปอดบวม (Pneumonia) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของปอด มักเกิดจากการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) อาจส่งผลต่อถุงลมในปอดข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยอาจมีอาการไอเป็นเสมหะสีเหลืองหรือสีเขียวเสมหะมีเลือดปน หายใจลำบาก ปวดเมื่อยร่างกาย เป็นต้น
    • โรควัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดเชื้อทางอากาศที่มักเกิดจากแบคทีเรียไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) ส่งผลต่อเนื้อเยื่อปอด ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง ไอมีเลือดปนออกมา เจ็บหน้าอกขณะไอ เป็นต้น

    นอกจากนี้ เสมหะมีเลือดปนยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้

    • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease หรือ COPD)
    • โรคมะเร็งปอด
    • ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
    • ฝีในปอด (Lung abscess)
    • อาการบาดเจ็บที่ปอด
    • มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในทางเดินหายใจ
    • มีของเหลวในปอด
    • ใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    • โรคซิสติกไฟโปรซิส (Cystic Fibrosis) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายผลิตเมือกหนาที่ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบตัน

    เมื่อไหร่ที่ควรไปพบคุณหมอ

    หากมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพร้ายแรงที่ต้องวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาให้ถูกวิธี

    • เมื่อไอแล้วพบว่าเสมหะมีเลือดปนนานกว่า 1 สัปดาห์
    • อาการไอแล้วเสมหะมีเลือดปนรุนแรงหรือแย่ลงเรื่อย ๆ
    • วิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืด
    • เจ็บหน้าอก
    • น้ำหนักลด ไม่อยากอาหาร
    • มีเหงื่อออกในตอนกลางคืน
    • มีไข้สูง
    • อ่อนเพลีย
    • หายใจถี่รัวหรือหายใจลำบากขณะทำกิจกรรมที่ปกติแล้วเคยทำได้โดยไม่มีอาการใด ๆ
    • มีปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 30/05/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา