ไข้หวัดใหญ่ เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการอาจแสดงออกได้ตั้งแต่ ไม่มีอาการ มีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา ไปจนถึงอาจมีอาการรุนแรงที่ส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2025 ควรฉีดไหม
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดเป็นประจำทุกปี ในช่วงก่อนฤดูการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่นั้นมีการกลายพันธุ์ในทุก ๆ ปี อีกทั้งภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ก็ยังจะลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพสูงในการต่อสู้กับไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดใหญ่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิด 3 สายพันธุ์ (A2B1) และ 4 สายพันธุ์ (A2B2) โดยปกติจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีกว่า
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ครอบคลุมไวรัส 4 สายพันธุ์ ดังนี้
- Influenza A (H1N1): A/Victoria/4897/2022 (H1N1)pdm09-like virus
- Influenza A (H3N2): A/Croatia/10136RV/2023 (H3N2)-like virus
- Influenza B (สายพันธุ์ Victoria): B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus
- Influenza B (สายพันธุ์ Yamagata): B/Phuket/3073/2013 (B/Yamagata lineage)-like virus
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2025 ควรฉีดเมื่อไหร่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 เข็ม โดยปกติ แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วง ฤดูฝน ได้แก่ช่วง มีนาคม-พฤษภาคม หรือช่วยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ได้แก่ช่วง ตุลาคม-พฤศจิกายน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรค
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฉีดก่อนครบปีได้ไหม
สามารถฉีดได้ หากเกิน 6 เดือน นับตั้งแต่ที่ฉีดคราวก่อน โดยไม่มีอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ การฉีดไวขึ้น ในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือก่อนฤดูฝนหรือฤดูหนาว จึงอาจจะมีประสิทธิภาพสูง
โดยปกติ ภูมิจะอยู่ประมาณ 8 เดือนหลังฉีด หากต้องการฉีดก่อนครบปี ไม่จำเป็นต้องเลือกฉีดวัคซีนของปีเดียวกันซ้ำ
ใครบ้างควรได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
แนวทางการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ปี 2566 โดยกรมควบคุมโรคและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แบ่งกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
- แพทย์ พยาบาล และบุคลากรในโรงพยาบาลทั้งแผนกผู้ป่วยในและนอก รวมถึงนักศึกษาฝึกงาน
- เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขที่ทำหน้าที่สอบสวนควบคุมโรค
- เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทำลายซากสัตว์ปีกที่เสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก
- เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่
ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั่วไป
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ฉีดได้ตลอดปี)
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด
- ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV ที่มีอาการ
- ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
- ผู้ที่มีภาวะอ้วนมาก (น้ำหนัก >100 กก. หรือ BMI >35)
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจำ
- เจ้าหน้าที่เรือนจำ เช่น ผู้คุมเรือนจำและเจ้าหน้าที่ทั่วไป
- ผู้ต้องขังที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ผู้ต้องขังที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ต้องขังที่มีภาวะอ้วนมาก (น้ำหนัก >100 กก. หรือ BMI >35)