มะเร็งเต้านมอักเสบ (Inflammatory breast cancer) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งขัดขวางการทำงานท่อน้ำเหลืองในผิวบริเวณหน้าอก ทำให้เกิดมีลักษณะแดงและบวมที่หน้าอก
คำจำกัดความ
มะเร็งเต้านมอักเสบ คืออะไร
มะเร็งเต้านมอักเสบ (Inflammatory breast cancer) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งขัดขวางการทำงานท่อน้ำเหลืองในผิวบริเวณหน้าอก ทำให้เกิดมีลักษณะแดงและบวมที่หน้าอก
มะเร็งเต้านมอักเสบถือเป็นมะเร็งระยะลุกลามเฉพาะที่ หมายถึงมะเร็งที่ลุกลามจากจุดเดิมสู่เนื้อเยื่อใกล้เคียง และเป็นไปได้ที่จะลุกลามไปสู่ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่โดยรอบ
บางคนอาจสับสนระหว่างมะเร็งเต้านมอักเสบกับการติดเชื้อที่เต้านม การติดเชื้อที่เต้านมเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นทั่วไปมากกว่า และส่งให้หน้าอกแดงและบวม โปรดเข้ารับการวินิจฉัยโดยด่วน หากคุณสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวบนหน้าอก
มะเร็งเต้านมอักเสบ พบได้บ่อยแค่ไหน
มะเร็งเต้านมอักเสบเกิดได้ยาก ในสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเพียงร้อยละ 1 – 5 ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของมะเร็งเต้านมอักเสบมีอะไรบ้าง
อาการโดยทั่วไปของมะเร็งเต้านมอักเสบได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันของลักษณะเต้านมในช่วงหลายสัปดาห์
- ความแน่น ความหนัก หรือการโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง
- สีผิวเปลี่ยน ทำให้หน้าอกมีสีแดง ม่วง ชมพู หรือมีรอยช้ำเกิดขึ้น
- ความอุ่นผิดปกติของเต้านมที่เป็นโรค
- รอยบุ๋มหรือรอยนูนบนผิวเต้านมที่เป็นโรค คล้ายกับผิวส้ม
- เวลากดแล้วรู้สึกเจ็บ
- ต่อมน้ำเหลืองโตใต้แขน เหนือ หรือใต้กระดูกไหปลาร้า
- หัวนมแบนหรือบุ๋มลง
โดยปกติแล้ว มะเร็งเต้านมอักเสบไม่ได้ก่อให้เกิดก้อนเนื้อ เหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นมะเร็งเต้านมชนิดอื่น อาจจะมีอาการชนิดอื่นที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงข้างต้น หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับอาการของโรค โปรดปรึกษาแพทย์
เมื่อไหร่ที่ควรจะไปพบหมอ
หากคุณมีสัญญาณหรืออาการตามที่กล่าวข้างตรงหรือมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของคนเราแสดงอาการต่างกัน ทางที่ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์ว่าอะไรเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของ มะเร็งเต้านมอักเสบ
สาเหตุของมะเร็งเต้านมอักเสบไม่ได้มีระบุไว้อย่างแน่ชัด แพทย์ทราบว่ามะเร็งเต้านมอักเสบเกิดจากเซลล์ผิดปกติในท่อน้ำนม การกลายพันธุ์ภายในดีเอ็นเอของเซลล์ผิดปกติ สั่งการให้เซลล์เติบโตและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เซลล์ผิดปกติที่เพิ่มขึ้นแทรกซึมและอุดตันท่อน้ำเหลืองในผิวบริเวณหน้าอก การอุดตันในท่อน้ำเหลืองทำให้เกิดผิวแดง บวมและเป็นรอยบุ๋ม สัญญาณเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณพื้นฐานของมะเร็งเต้านมอักเสบ
ปัจจัยเสี่ยง
อะไรเพิ่มความเสี่ยงของ มะเร็งเต้านมอักเสบ
ปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมอักเสบ เช่น
- เป็นผู้หญิง ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะตรวจพบมะเร็งเต้านมอักเสบมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายก็สามารถเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบได้เช่นกัน
- เป็นคนผิวสี ผู้หญิงผิวสีมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบสูงกว่าผู้หญิงผิวขาว
- เป็นคนน้ำหนักเกิน คนที่มีน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบสูงกว่า เมื่อเทียบกับคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยมะเร็งเต้านมอักเสบ
มะเร็งเต้านมอักเสบอาจเป็นเรื่องยากที่จะวินิจฉัย โดยปกติแล้วจะตรวจไม่พบก้อนระหว่างการตรวจร่างกาย หรือเห็นได้จากการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม นอกจากนี้ ผู้หญิงส่วนมากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบจะมีเนื้อเยื่อเต้านมที่แน่น ทำให้การตรวจพบมะเร็งโดยการใช้เครื่องแมมโมแกรมเป็นไปได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากมะเร็งเต้านมอักเสบลุกลามได้อย่างรวดเร็ว มะเร็งจึงสามารถเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของตารางการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรมที่กำหนดไว้แล้ว และลุกลามอย่างรวดเร็ว
อาการของมะเร็งเต้านมอักเสบอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการอักเสบของหัวนมและเต้านม ซึ่งเป็นการติดเชื้อของเต้านม หรืออาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของมะเร็งระยะลุกลามเฉพาะที่
เพื่อป้องกันความล่าช้าในการวินิจฉัย และเพื่อเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับการรักษา คณะผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศได้ตีพิมพ์คู่มือสำหรับแพทย์ในการวินิจฉัย และดูว่าผู้ป่วยมีอาการอยู่ในระยะใดอย่างถูกต้อง มีการสรุปคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านล่าง
เกณฑ์ขั้นต่ำในการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมอักเสบได้แก่
- การเริ่มเป็นผื่นที่ผิวหนังอย่างฉับพลัน (รอยแดง) การบวมน้ำ (การบวม) และผิวหนังบวมคล้ายผิวส้ม (ผิวหนังเป็นรอยนูนและบุ๋ม) หรือความรู้สึกอุ่นผิดปกติของหน้าอก พร้อมกับมีก้อนที่สัมผัสได้ (หรือไม่มีก็ได้)
- มีอาการข้างต้นน้อยกว่าหกเดือน
- มีผื่นแดงอย่างน้อยที่สุดหนึ่งในสามของบริเวณหน้าอกทั้งหมด
- ตัวอย่างจากการตรวจชิ้นเนื้อข้างต้นจากหน้าอกที่เป็นโรคแสดงให้เห็นถึงมะเร็งเต้านมคาร์ซิโนมา (carcinoma) ที่ลุกลาม
การตรวจเนื้อเยื่อเพิ่มเติมจากหน้าอกของคนที่เป็นโรค ควรรวมการตรวจสอบเพื่อให้เห็นว่าเซลล์มะเร็งมีตัวรับฮอร์โมน (ตัวรับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) หรือเซลล์มะเร็งมีจำนวนยีนเฮอร์ 2 (HER2) หรือโปรตีนเฮอร์ 2 (เฮอร์2-มะเร็งเต้านมที่เป็นบวก) มากกว่าปกติหรือไม่
ควรใช้การฉายรังสีและตรวจระยะของมะเร็งต่อไปนี้ร่วมด้วย
- การวินิจฉัยเต้านม และบริเวณโดยรอบต่อมน้ำเหลือง โดยใช้แมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์
- การตรวจเพท (PET) หรือซีที (CT) และการตรวจกระดูก เพื่อดูว่ามะเร็งได้ลุกลามไปส่วนอื่นของร่างกายหรือไม่
การวินิจฉัยและการตรวจดูระยะที่ถูกต้องของมะเร็งเต้านมอักเสบ จะช่วยให้แพทย์พัฒนาแผนการรักษาที่ดีที่สุด และประเมินผลที่น่าจะเป็นไปได้ของโรค คนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมอักเสบ อาจต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
มะเร็งเต้านมอักเสบ รักษาอย่างไร
ปกติแล้วในขั้นแรก แพทย์จะรักษามะเร็งเต้านมอักเสบด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด ที่ส่งผลทั่วร่างกาย เพื่อช่วยให้เนื้องอกมีขนาดเล็กลง จากนั้นจะใช้การผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกออก ต่อด้วยการรักษาด้วยรังสี วิธีการรักษาดังกล่าวเรียกว่าการรักษาหลายรูปแบบ การศึกษาพบว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมอักเสบ แล้วได้รับการรักษาดังกล่าวจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่า และมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า
การรักษาที่ใช้ ได้แก่
- การให้ยาเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัด ยาเคมีบำบัดประเภทนี้ใช้ก่อนการผ่าตัด และมักรวมถึงการให้ทั้งยาแอนทราไซคีน (anthracycline) และแท็กเซน (taxane) ปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาเคมีบำบัดอย่างน้อยหกรอบ ในช่วงระยะสี่ถึงหกเดือนก่อนจะนำเนื้องอกออก เว้นแต่โรคจะรุนแรงขึ้นในช่วงนี้ แพทย์จะตัดสินใจที่จะไม่ชะลอการผ่าตัด
- การรักษามะเร็งเฉพาะจุด มะเร็งเต้านมอักเสบมักผลิตจำนวนโปรตีนเฮอร์ 2 (HER2) มากกว่าปกติ นั่นหมายความว่าแพทย์อาจใช้ยาอย่างทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) หรือที่เรียกว่าเฮอร์เซพติน (Herceptin) เพื่อรักษาอาการดังกล่าว การรักษาแบบต้านเฮอร์ 2 อาจใช้ทั้งในส่วนของการให้ยาเคมีบำบัด ก่อนการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด
- การรักษาด้วยฮอร์โมน หากเซลล์มะเร็งเต้านมอักเสบมีตัวรับฮอร์โมน การรักษาด้วยฮอร์โมนจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง การใช้ยาอย่างทาม็อกซิเฟน (tamoxifen) จะช่วยป้องกันไม่ให้เอสโตรเจนจับกับตัวรับ และยาที่ช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างเลโทรโซล ที่ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างเอสโตรเจน จะทำให้เซลล์มะเร็งที่ขึ้นกับเอสโตรเจนหยุดเจริญเติบโต และตายในที่สุด
- การผ่าตัด การผ่าตัดมะเร็งเต้านมอักเสบที่เป็นมาตรฐาน คือการผ่าตัดเต้านมรวมถึงส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องออก ส่วนดังกล่าว ได้แก่ต่อมน้ำเหลืองทั้งหมดใต้แขนที่ใกล้กับหน้าอก โดยปกติแล้วจะนำส่วนที่อยู่ด้านใต้กล้ามเนื้อหน้าอกออกด้วย แต่จะยังคงกล้ามเนื้อหน้าอกไว้อยู่ อย่างไรก็ตาม บางครั้งกล้ามเนื้อหน้าอกที่เล็กกว่า (ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกส่วนบน) อาจถูกผ่าตัดออกเช่นกัน
- รังสีบำบัด รังสีบำบัดที่ผนังทรวงอกหลังจากผ่าตัดเต้านมออก เป็นขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการรักษามะเร็งเต้านมอักเสบชนิดหลายรูปแบบ หากผู้หญิงได้รับยาทราสทูซูแมบก่อนการผ่าตัด เธออาจจะต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ในช่วงรังสีบำบัดหลังการผ่าตัด ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมอักเสบ สามารถได้รับการผ่าตัดแก้ไขเต้านมให้มีรูปร่างกลับเป็นปกติ ทว่าเนื่องจากรังสีบำบัดเพื่อรักษาโรคก็เป็นวิธีที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญจึงมักจะแนะนำให้เลื่อนการผ่าตัดแก้ไขเต้านมออกไปก่อน
- การให้ยาเคมีบำบัดหลังการผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาเคมีบำบัดที่ส่งผลต่อร่างกายทุกส่วนหลังการผ่าตัดเพื่อลดโอกาสที่จะกลับมาเป็นมะเร็งอีกครั้ง การรักษารูปแบบนี้รวมถึงการใช้ยาเคมีบำบัดเพิ่มเติม การรักษาด้วยฮอร์โมน การรักษามะเร็งเฉพาะจุด (เช่น การใช้ยาทราสทูซูแมบ – trasutuzumab) หรือการใช้วิธีรักษาข้างต้นบางส่วนร่วมกัน
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวตนเองที่ช่วยรับมือกับ มะเร็งเต้านมแบบอักเสบ
ไลฟ์สไตล์และการรักษาตนเองต่อไปนี้อาจช่วยให้คุณจัดการกับมะเร็งเต้านมอักเสบได้
- เรียนรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมอักเสบอย่างเพียงพอ เพื่อที่จะตัดสินใจเรื่องวิธีการรักษา ปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็ง และการรักษา ถามถึงระยะของมะเร็ง และทางเลือกในการรักษาที่มี รวมถึงถามแพทย์เกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อที่จะศึกษาเพิ่มเติม ตัวอย่างขององค์กรที่ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับมะเร็ง รวมถึงสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา
- หาความช่วยเหลือ วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเริ่มการรักษามะเร็ง คุณอาจมีเพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัว ที่เป็นผู้ฟังที่ดี หรือถามแพทย์เพื่อให้แนะนำผู้ให้คำปรึกษาที่ทำงานกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- ติดต่อกับผู้รอดชีวิตจากมะเร็งคนอื่น คนอื่นที่เป็นมะเร็งสามารถจะให้ความช่วยเหลือที่แตกต่างไป พวกเขาอาจเสนอคำแนะนำที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับสิ่งที่คาดหวังได้ และวิธีจัดการระหว่างการรักษา ปรึกษาแพทย์เพื่อถามถึงกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็งในชุมชนของคุณ
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ