โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ที่มีสาเหตุมาจากร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือร่างกายไม่อาจนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรดูแลสุขภาพร่างกายเป็นประจำ เข้าพบคุณหมอสม่ำเสมอตามนัดและทำตามคำแนะนำ รวมไปถึงหมั่นสังเกตว่า อาการเบาหวานขึ้นเป็นอย่างไร และมีโรคแทรกซ้อนอะไรบ้างที่ควรระวัง
[embed-health-tool-bmi]
อาการเบาหวานขึ้นเป็นอย่างไร
อาการเบาหวานขึ้นเป็นอย่างไรนั้น ผู้ป่วยที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นเบาหวาน หรือผู้ป่วยเบาหวาน เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ดังนี้
- กระหายน้ำบ่อยและดื่มน้ำมาก
- ปัสสาวะบ่อย บางรายอาจพบมดขึ้นปัสสาวะได้
- น้ำหนักตัวลดลงและผอมลง ทั้งที่รับประทานอาหารมาก
- แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย
- อ่อนเพลีย
- ชาปลายมือปลายเท้า
- สายตาผิดปกติ ตาพร่ามัว
- อาจมีอาการคันตามร่างกาย
เมื่อเกิดอาการเบาหวานขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ผู้ป่วยจะมีอาการซึม หอบ หรือหมดสติได้ นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
โรคแทรกซ้อนที่ควรระวัง
อาการเบาหวานหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดเป็นโรคแทรกซ้อนอื่นที่อันตรายตามมาได้ เช่น
- ภาวะแทรกซ้อนต่อดวงตาที่อาจส่งผลให้เกิดต้อกระจกก่อนวัยอันควร ประสาทตาหรือจอตาเสื่อม มีเลือดออกในวุ้นลูกตา เกิดอาการตามัว มองเห็นจุดดำลอยไปมา เมื่อเบาหวานขึ้นจอประสาทตา อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้
- เกิดปลายประสาทอักเสบ ปวดแสบปวดร้อน ชาตามปลายมือปลายเท้า ส่งผลให้เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย
- พบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ อาจเป็นโรคไตเสื่อม จนอาจเกิดภาวะไตวายได้ ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานจะมีอาการบวม ซีด ความดันโลหิตสูงร่วมด้วย
- เกิดอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมองอุดตันหรือหลอดเลือดแตก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันต่ำลงจึงเกิดโรคติดเชื้อได้ง่าย เช่น วัณโรคปอด การอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ผิวหนังเป็นเชื้อรา
นอกจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่ต้องระวังแล้ว ยังมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ กรณีผู้ป่วยเบาหวานใช้ยาเกินขนาด หรือออกกำลังกายมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการหิว หงุดหงิด ปวดศีรษะ ใจสั่น มือสั่น เหงื่อแตก หน้ามืด หมดสติหรือชักได้ หากผู้ป่วยเบาหวานเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบไปโรงพยาบาลทันที
วิธีดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวาน
นอกจากการรักษาโรคเบาหวานด้วยยาเบาหวานแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น
- ควบคุมอาหาร โดยเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะ เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท หรือธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อเพิ่มใยอาหารในแต่ละมื้อ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ลดการบริโภคน้ำตาลและหลีกเลี่ยงอาหารน้ำตาลสูง เลือกเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น กล้วย แอปเปิลเขียว และฝรั่ง
- ดื่มน้ำเป็นประจำ โดยค่อย ๆ จิบตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายควรจิบน้ำทุก 10-15 นาที
- หากต้องการดื่มนมให้ดื่มนมจืดไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน ส่วนนมเปรี้ยวจะมีปริมาณน้ำตาลสูงควรระวัง
- ออกกำลังกายเป็นประจำช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรเลือกการออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงกระแทกหนัก เช่น การเดิน การขี่จักรยาน และการว่ายน้ำ
- ป้องกันร่างกายไม่ให้เกิดแผล โดยเฉพาะบริเวณเท้า ไม่ควรสวมรองเท้าคับ หากพบว่ามีบาดแผลที่เท้าให้พบแพทย์ทันที
เมื่อทราบแล้วว่า อาการเบาหวานขึ้นเป็นอย่างไร และพบอาการต้องสงสัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป