backup og meta

เบาหวานชนิดที่ 2 กับการดูแลเรื่องอาหารให้สมดุล

เบาหวานชนิดที่ 2 กับการดูแลเรื่องอาหารให้สมดุล

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเบาหวานชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากเซลล์ในร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเรียกว่า ภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ภาวะเบาหวานขึ้นตา โรคหัวใจ โรคไต ภาวะเส้นประสาทเสื่อม

[embed-health-tool-heart-rate]

ทำความรู้จักโรคเบาหวาน1

โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งแบ่งได้ 2 ชนิดคือ

  1. เบาหวานชนิดที่ 1 มีสาเหตุจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
  2. เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากเซลล์ในร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินที่ผลิตออกมาได้อย่างมีประสิทธิภา

อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นอาการจากการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานดังนั้น หากเพิ่งเริ่มเป็นหรือมีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงนัก อาจจะยังไม่มีอาการเเสดงให้สังเกตุได้ชัดเจน และบางครั้งอาจใช้เวลาหลายปี กว่าจะปรากฏอาการให้เห็น ซึ่งมีดังนี้

  • กระหายน้ำ และความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • รู้สึกไม่มีแรง เหนื่อยเมื่อยล้า
  • แผลหายช้า 
  • รู้สึกชาหรือมีอาการเสียวแปล๊บ ๆ ซ่า ๆตามปลายมือและเท้า
  • ผิวบริเวณข้อพับ เช่น รักเเร้ ขาหนีบและลำคอ มีสีปืนหนาสีคล้ำ
  • น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • สายตาพร่ามัว

ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

ปัจจัยที่อาจส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ได้เเก่

  • โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน 
  • ไม่ค่อยออกกำลังกายหรือมีการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันน้อย หรือมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary Lifestyle)
  • ประวัติครอบครัวเป็นเป็นโรคเบาหวาน
  • มีภาวะไขมันในเลือดสูง
  • อายุ (ความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 35 ปี)
  • มีภาวะกลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS)
  • มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือเคยคลอดบุตรที่มีน้ำหนักเเรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม

การวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 2¹

ในการวินิจฉัยโรคเบาหวานจะมีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งสามารถเข้ารับกาตรวจได้จากคุณหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้  

  • Fasting Plasma Glucose (FPG) – เป็นการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยที่ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องงดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ซึ่งผลการตรวจจะบ่งบอกถึงการควบคุมระดับน้ำตาลของในระยะสั้นๆ เช่น ในช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา สามารถแปลผลได้เป็น ระดับนำ้ตาลปกติ มีภาวะก่อนเบาหวาน เเละ เข้าข่ายเป็นโรคเบาหวานเเล้ว 
  •  Hemoglobin A1C (HbA1C) – หรือการตรวจระดับน้ำตาลสะสม ซึ่งจะบ่งบอกถึงการควบคุมระดับน้ำตาลโดยเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยการตรวจ HbA1C จะไม่จำเป็นต้องอดอาหาร สามารถเเปลได้เป็น 3 กลุ่ม เช่นเดียวกับการตรวจ FPG
  • การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล – การตรวจวิธีนี้สามารถใช้ในการวินิจฉัยเบาหวานในคนทั่วไป เเละ ใช้ในการตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยอาจมีรายละเอียดเเละขั้นตอนต่างกันเล็กน้อย เเต่หลักการคือ จะให้ผู้เข้ารับการทดสอบดื่มสารละลายน้ำตาลกลูโคส เเล้วหลังจากนั้นจะต้องรอเป็นระยเวลาหลักชั่วโมง (ระยะเวลาที่รอจะต่างกันขึ้นกับการตรวจ) เเล้วจึงทำาการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง ซึ่งจะบอกถึงความสามารถในการจัดการกับน้ำตาลของร่างกาย 
  • Random Plasma Glucose – หรือ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเเบบสุ่ม จะเป็นการตรวจเลือดโดยไม่ต้องงดอาหาร ซึ่งหากตรวจเเล้วระดับน้ำตาลในเลือด สูงกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นโรคเบาหวาน เเต่ควรต้องทำการตรวจยืนยันด้วยการวัดระดับน้ำตาลในเลือดเเบบงดอาหาร หรือ FPG  อีกครั้งซึ่งจะสามารถแปลผลได้เเม่นยำกว่า 

การเลือกรับประทานอาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2

อาหารที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะกับผู้เป็นเบาหวานนั้น ควรเน้นอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป เช่น ผักและผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว เมล็ดพืช เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน รวมทั้งเน้นไปที่อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หรือ Glycemic Index (GI) ที่มีค่าระหว่าง 0-55 ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการแปรรูปซึ่งมักมีส่วนประกอบของ น้ำตาล ไขมันทรานส์ สีผสมอาหาร สารกันบูด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน/ย่อยช้า (เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวบาร์เลย์ ข้าวกล้อง) ไขมันดี ไฟเบอร์ จัดเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เเม้จะควบคุมอาหาร เเต่อย่างไรก็ตามควรคำนึงถึงการได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ให้เพียงพอ ซึ่งสามารถทำได้โดย มีการวางแผนการเลือดรับประทานอาหารที่สมดุล ควบคุมปริมาณและสัดส่วนของอาหารเเต่ละชนิด รวมทั้งการรับประทานอาหารเป็นเวลา จะช่วยให้สามารถควบคุมและป้องกันมิให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจนเกินไปทั้งนี้ อาจปรึกษาคุณหมอ หรือ นักโภชนาการเพิ่มเติม ถึงรายละเอียดในการวางแผนมื้ออาหารเหมาะสมกับผู้ที่เป็นเบาหวานแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น

ทางเลือกใหม่ อาหารทดแทนสูตรเฉพาะสำหรับผู้เป็นเบาหวาน

อาหารทดแทนสำหรับผู้เป็นเบาหวาน หรือ Diabetes-Specific Formulas (DSF) เป็นอาหารที่ส่วนประกอบของสารอาหารที่จำเป็นครบทั้ง 5 หมู่ และมีสัดส่วนในแต่ละชนิดที่เหมาะสมสำหรับผู้เป็นเบาหวานโดยเฉพาะสามารถใช้แทนเป็นอาหารมื้อหลัก หรือเสริมได้ในผู้ป่วยเบาหวานทีรับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอตามคำแนะนำของคุณหมอ

เนื่องจากผู้เป็นเบาหวานจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่สมดุลเหมาะสม อาหารทดเเทนนี้จะมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) โปรตีนคุณภาพดีในปริมาณที่เพียงพอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว Monounsaturated Fatty Acid (MUFA) กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน Polyunsaturated Fatty Acid (PUFA) ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ มีวิตามินชนิดต่าง ๆ รวมถึงใยอาหาร ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมในการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงช่วยควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร่วมอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เเละ โรคไตได้ 

จุดเด่นของอาหารทดแทนสูตรสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน คือ มีคาร์โบไฮเดรตชนิดพิเศษ ได้แก่ ไฟเบอร์ซอล ซูโครมอลต์ ซึ่งถูกย่อยและดูดซึมได้ช้า ทำให้มีการปลดปล่อยน้ำตาลออกมาอย่างช้า ๆ ส่งผลช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี นอกจากนี้การที่คาร์โบไฮเดรตชนิดดังกล่าวถูกย่อยและดูดซึมได้ช้า จึงผ่านกระเพาะเเละลำไส้เล็กส่วนต้น ไปยังถึงยังลำไส้เล็กส่วนปลาย ซึ่งเป็นตำเเหน่งที่มีจำนวนของ L-Cells อยู่อย่างหนาแน่น ซึ่ง L-Cells จะถูกกระตุ้นให้ฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Glucagon-Like Peptide 1 ( GLP-1) ได้ปริมาณเพิ่มขึ้น โดยที่ฮอร์โมน GLP-1 มีหน้าที่กระตุ้นจับกับศูนย์อิ่มในสมอง จึงทำให้รู้สึกอิ่มเเละลดความอยากอาหาร อีกทั้งยังทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง อาหารจึ้งค้างอยู่ในกระเพาะได้นานขึ้น จึงเสริมให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น นอกจากนี้ ฮอร์โมน GLP-1 ยังกระตุ้นเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อน ส่งผลใด้ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นด้วย อาหารทดแทนสูตรสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน จึงดีต่อทั้งการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเเละการควบคุมน้ำหนักตัวของผู้เป็นเบาหวาน ทั้งนี้ ได้มีการศึกษาเเสดงให้เห็นว่า อาหารทดแทนสูตรสำหรับผู้เป็นเบาหวาน ช่วยให้ผู้เป็นเบาหวานมีภาวะโภชนาการที่สมดุลขึ้น และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นในระยะยาวได้ เนื่องจากสามารถเพิ่มการหลั่งฮอร์โมน GLP-1  ซึ่งส่งผลดีกับร่างกายดังนี้  เ

  1. เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
  2. ลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน ซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
  3. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารได้ดีกว่า  โดยพบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รับประทานอาหารทดแทนสำหรับผู้เป็นเบาหวาน สามารถเพิ่มระดับ GLP-1 และอินซูลินในเลือดหลังรับประทานอาหารได้มากกว่าผู้ป่วยที่รับประทานข้าวโอ๊ต

ดังข้อมูลข้างต้น อาหารทดแทนสูตรสำหรับผู้เป็นเบาหวานจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้การควบคุมเบาหวานง่ายขึ้น ทั้งนี้ต้องใช้ในเเง่ของการรับประทานเเทนมื้ออาหารเดิม มิใช่เป็นการรับประทานเสริมจากมื้ออาหารปกติ

แม้ว่าการดูแลเรื่องโภชนาการที่ดีที่สุดจะมาจากอาหารมื้อหลักที่รับประทาน แต่สำหรับผู้เป็นเบาหวาน การได้รับพลังงานและสารอาหารที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่สมดุล ได้รับวิตามินและแร่ธาตุเพียงพอครบถ้วน จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี หากผู้ที่เป็นเบาหวานสนใจทางเลือกของการรับประทานอาหารทดเเทนสามารถขอคำเเนะนำเพิ่มเติมได้จากคุณหมอที่ดูเเลเป็นประจำ

Meal Plan E-Book พร้อมให้ดาวน์โหลด คลิกเลย

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

1. Classification and Diagnosis of Diabetes: Standards of Medical Care in Diabetes-2021; American Diabetes Association. Diabetes Care. 2021 Jan 1:44(Supplement 1):S15-33.

2. Sheri R. Colberg, Ronald J. Sigal, Jane E. Yardley, Michael C. Riddell, David W. Dunstan, Paddy C. Dempsey, Edward S. Horton, Kristin Castorino and Deborah F. Tate. Physical Activity/Exercise and Diabetes: A Position Statement of the American Diabetes Association. Diabetes Care 2016 Nov; 39(11): 2065-2079.

3. Herpreet Thind, Ryan Lantini, Brittany L. Balletto, Marissa L. Donahue, Elena Salmoirago-Blotcher, Beth C. Bock, and Lori A.J. Scott-Sheldon. The effects of yoga among adults with type 2 diabetes: A systematic review and meta-analysis.  National Center for Biotechnology Information (NCBI).

4. Huang, H., G. Chen, Y. Dong, Y. Zhu, and H. Chen; Chromium supplementation for adjuvant treatment of type 2 diabetes mellitus: Results from a pooled analysis. Mol Nutr Food Res. 2018, 62, 1700438

5. Wang, X., W. Wu, W. Zheng, X. Fang, L. Chen, L. Rink, J. Min, and F. Wang; Zinc supplementation improves glycemic control for diabetes prevention and management: a systematic review and meta-analysis of randomized controlled trials. The American Journal of Clinical Nutrition. 2019, 110, 76-90.

6. Sanz-París A, Matía-Martín P, Martín-Palmero Á, Gómez-Candela C, Robles MC. Diabetes-specific formulas high in monounsaturated fatty acids and metabolic outcomes in patients with diabetes or hyperglycaemia. A systematic review and meta-analysis. Clinical Nutrition. 2020 Nov 1;39(11):3273-82.

7. Reinstatler L, Qi YP, Williamson RS, Garn JV, Oakley GP. Association of biochemical B12 deficiency with metformin therapy and vitamin B12 supplements: the National Health and Nutrition Examination Survey, 1999–2006. Diabetes care. 2012 Feb 1;35(2):327-33.

8. ADA Standards of Medical Care in Diabetes-2018. Diabetes Care 2018;41(Suppl. 1):S1–S159.

9. Chee WSS, Gilcharan Singh HK, Hamdy O, et al. BMJ Open Diab Res Care 2017;5:e000384. doi:10.1136/bmjdrc-2016-000384.

10. Voss AC et al. Nutrition 2008, 24:990-997.

11. Mottalib A et al. Nutrients 2016, 8, 443; doi:10.3390/nu8070443

12. Devitt A et al. Journal of Diabetes Research and Clinical Metabolism 2012, 1:20.

13. Dávila LA et al. Nutrients 2019, 11, 1477; doi:10.3390/nu11071477

14. Lim G., Brubaker P. Diabetes 2006. 55 (Suppl. 2):S70–S77.

15. Shah M, Vella A. Rev Endocr Metab Disord 2014, 15(3): 181–187. doi:10.1007/s11154-014-9289-5.

16. Dailey MJ.,Moran TH.Trends Endocrinol Metab 2013, 24(2): 85-91. doi:10.1016/j.tem.2012.11.008.

17. American Diabetes Association website. Glycemic index and diabetes. https://www.diabetes.org/glycemic-index-and-diabetes

เวอร์ชันปัจจุบัน

28/02/2023

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

การพยาบาลผู้ป่วยเบาหวาน ควรทำอย่างไร

เบาหวาน อาการคัน ปัญหาผิวหนังที่พบบ่อย


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 28/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา