ข้อบ่งใช้
ยา โปรเจสเตอโรน ใช้สำหรับ
ยาโปรเจสเตอโรน (Progesterone) คือฮอร์โมนเพศหญิง ที่มีความสำคัญต่อการควบคุมการตกไข่ และการมีประจำเดือน
ยาโปรเจสเตอโรนใช้เพื่อทำให้เกิดการมีประจำเดือน ในผู้หญิงที่ยังไม่ถึงวัยหมดประจำเดือน (menopause) แต่ไม่มีประจำเดือน เนื่องจากขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนภายในร่างกาย ยานี้ยังใช้เพื่อป้องกันเนื้องอกในเยื่อบุโพรงมดลูก สำหรับผู้หญิงที่รับการรักษาทดแทนฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen hormone replacement therapy)
ยาโปรเจสเตอโรนยังอาจใช้สำหรับจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากที่มีอยู่ในแนวทางการใช้ยาได้อีกด้วย
วิธีการใช้ยา โปรเจสเตอโรน
ยาโปรเจสเตอโรนนั้นบางครั้งจะใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น 6-12 วัน ในช่วงขณะรอบการมีประจำเดือนแต่ละครั้ง ควรรับประทานยาตามตาราง เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพ พยายามอย่าข้ามมื้อยาใดๆ
ยานี้มาพร้อมกับผู้มือแนะนำวิธีการใช้สำหรับผู้ป่วย เพื่อการใช้ยาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ
รับประทานยาโปรเจสเตอโรนพร้อมกับน้ำเต็มแก้ว
ทายาโปรเจสเตอโรนแบบครีมลงบนผิวตามที่แพทย์สั่ง
ยาโปรเจสเตอโรนแบบฉีดเป็นช็อต (shot) เข้าในกล้ามเนื้อ แพทย์ พยาบาล หรือผู้ดุแลสุขภาพจะเป็นผู้ฉีดยาให้ คุณอาจต้องเรียนรู้วิธีการฉีดยาที่บ้าน อย่าใช้ยานี้เองที่บ้าน หากคุณยังไม่เข้าใจวิธีการฉีดยาและการกำจัดอุปกรณ์ฉีดยาอย่างเหมาะสม
ยานี้สามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับผลการทดสอบทางการแพทย์บางชนิดได้ แจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยาโปรเจสเตอโรน
แพทย์อาจจำเป็นต้องนัดตรวจคุณเป็นประจำ ขณะที่กำลังใช้ยานี้ ควรไปตามนัดของแพทย์ทุกครั้ง
การเก็บรักษายา โปรเจสเตอโรน
ยาโปรเจสเตอโรนควรเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโปรเจสเตอโรนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาโปรเจสเตอโรนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาโปรเจสเตอโรน
ระหว่างที่กำลังพิจารณาเลือกใช้ยา แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงของการใช้ยาต่อประโยชน์ของยาเสียก่อน สำหรับยานี้ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเคยมีอาการที่ผิดปกติ หรืออาการแพ้ต่อยานี้ นอกจากนี้ยังควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ ที่คุณเป็น เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเอง ควรอ่านฉลากยา หรือส่วนประกอบของยาอย่างละเอียด
เด็ก
ไม่มีการบ่งชี้การใช้ยาโปรเจสเตอโรนในผู้ป่วยเด็ก ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัย ที่เกี่ยวกับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอายุต่อประสิทธิภาพของการใช้ยาโปรเจสเตอโรนในผู้สูงอายุ ยังไม่มีการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ แต่ผู้ป่วยสูงอายุมักจะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเต้านม โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ดังนั้น จึงควรระมัดระวังในการใช้ยาโปรเจสเตอโรน
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาโปรเจสเตอโรนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
การให้นมบุตร
งานวิจัยในผู้หญิงนั้นแสดงให้เห็นว่า ยานี้มีความเสี่ยงในระดับน้อยที่สุดต่อเด็กทารก เมื่อใช้ยาขณะให้นมบุตร
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาโปรเจสเตอโรน
รับการรักษาในทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ดังนี้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
หยุดใช้ยาและแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น
- มีอาการชาหรืออ่อนแรงฉับพลัน โดยเฉพาะที่ด้านหนึ่งของร่างกาย
- มีอาการปวดหัวฉับพลัน สับสน ปวดด้านหลังดวงตา มีปัญหากับการมองเห็น การพูด หรือการทรงตัว
- หัวใจเต้นเร็วหรือรัว
- ปวดหน้าอกหรือรู้สึกหนัก มีอาการปวดที่แพร่กระจายไปยังแขนหรือไหล่ คลื่นไส้ เหงื่อออก รู้สึกป่วยทั่วๆ ไป
- มีเลือดออกในช่องคลอดที่ผิดปกติหรือไม่คาดคิด
- ปวดหัวไมเกรน
- คลื่นไส้ ปวดท้อง เป็นไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีคล้ายดินเหนียว ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวเป็นสีเหลือง)
- มีอาการบวมที่แขน ข้อมือ หรือเท้า
- เป็นไข้ หนาวสั่น ปวดตัว มีอาการของไข้หวัดใหญ่
- มีก้อนในเต้านม
- มีอาการของโรคซึมเศร้า (เช่น ปัญหากับการนอนหลับ อ่อนแรง อารมณ์เปลี่ยนแปลง)
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังต่อไปนี้
- มีอาการคลื่นไส้ ท้องร่วง ท้องอืด ปวดท้องในระดับเบา
- วิงเวียน รู้สึกโลกหมุน
- ร้อนวูบวาบ
- ปวดหัวในระดับเบา
- ปวดข้อต่อ
- มีอาการปวดหรือกดเจ็บที่เต้านม
- ไอ
- มีสิวหรือมีขนมากขึ้น
- น้ำหนักเปลี่ยนแปลง
- มีอาการคัน แห้ง หรือสารคัดหลั่งที่ช่องคลอด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาโปรเจสเตอโรนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
โดยปกติแล้ว ไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้กับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยา หรือความถี่ในการใช้ยา ตัวหนึ่งหรือทั้งคู่
- ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib)
- เอสลิคาร์เบเซฟีน แอซิเตต (Eslicarbazepine Acetate)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาโปรเจสเตอโรนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาบางชนิดไม่ควรใช้ในช่วงที่กำลังรับประทานอาหาร หรือรับประทานอาหารบางชนิด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาขึ้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ พร้อมกับใช้ยาบางชนิด ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นกัน โปรดสอบถามแพทย์ หากคุณใช้ยาพร้อมกับรับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาโปรเจสเตอโรนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ปัญหาทางการแพทย์อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ยานี้ได้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับปัญหาทางการแพทย์อื่นๆ ที่คุณเป็น โดยเฉพาะ
- อาการเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ
- โรคภูมิแพ้ต่อถั่วลิสงหรือน้ำมันถั่วลิสง
- เป็นหรือเคยเป็นโรคลิ่มเลือด เช่น ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (deep vein thrombosis) โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (pulmonary embolism)
- โรคมะเร็งเต้านม (Breast cancer) รู้ว่าเป็นโรค สงสัย หรือว่าเคยเป็นโรค
- เป็นหรือเคยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน
- โรคตับ
- เป็นหรือเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีอาการนี้
- โรคหอบหืด
- โรคเบาหวาน
- โรคบวมน้ำ (Edema)
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
- โรคลมชัก (Epilepsy) หรืออาการชัก (seizures)
- โรคหัวใจ (Heart disease)
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)
- ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hypercholesterolemia)
- ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคไต
- โรคปวดหัวไมเกรน (Migraine headache)
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic lupus erythematosus)
- ปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ (Thyroid problems) ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้อาการนี้แย่ลง
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาโปรเจสเตอโรนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea)
- 5-10 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นเวลา 6-8 วันติดต่อกัน
- 400 มก. รับประทานเป็นเวลา 10 วัน ในตอนเย็น
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะเลือดออกจากโพรงมดลูก (Uterine Bleeding):
- 5-10 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ รับประทานทุกวัน 6 ครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่สำหรับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ (Endometrial Hyperplasia) ป้องกัน
- 200 มก. รับประทานเป็นเวลา 12 วันติดต่อกัน ต่อรอบ 28 วัน ในตอนเย็น
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะขาดโปรเจสเตอโรน (Progesterone Insufficiency)
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ – เจล
- 90 มก. ของเจล 8% ทาวันละครั้งภายในช่องคลอด สำหรับผู้หญิงที่ต้องการการเสริมฮอร์โมน
- 90 มก. ของเจล 8% ทาวันละสองครั้งภายในช่องคลอด สำหรับผู้หญิงที่มีภาวะรังไข่ล้มเหลวบางส่วนหรือทั้งหมดและต้องการการทดแทน
- หากตั้งครรภ์ สามารถใช้การรักษาด้วยการทายาภายในช่องคลอดได้จนกระทั่งสายรกหลุด (placental autonomy) นานถึง 10-12 สัปดาห์
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ – ยาสอดช่องคลอด
- 100 มก. สอดเข้าทางช่องคลอด 2 หรือ 3 ครั้งต่อวัน เริ่มตั้งแต่การเก็บไข่ (Oocyte retrieval) และดำเนินต่อไปเป็นเวลา 10 สัปดาห์
- ยังไม่มีการพิสูจน์ประสิทธิภาพในผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ยังไม่มีการบ่งชี้ขนาดยาที่เหมาะสมกับคนในกลุ่มอายุนี้
ภาวะขาดโปรเจสเตอโรนที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือนและระยะก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
- ครีมยาโปรเจสเตอโรนเฉพาะที่ 1.7% : ทายา 1/4 ถึง 1/2 ช้อนโต๊ะ ลงบนฝ่ามือ ฝ่าเท้าหรือบริเวณผิวที่อ่อนนุ่มอื่นๆ วันละ 1 หรือ 2 ครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่สำหรับการคลอดก่อนกำหนด (Premature Labor) :
- งานวิจัย – สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติและการพัฒนามนุษย์ สหรัฐฯ – เพื่อป้องกันไม่ให้คลอดก่อนกำหนดซ้ำสำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยง 17 อัลฟ่า ไฮดรอกซีโปรเจสเตอโรนแคโพรเอต (17-alpha-hydroxyprogesterone caproate) 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสัปดาห์ละครั้ง เริ่มในสัปดาห์ที่ 21 ของการตั้งครรภ์หรือสัปดาห์ที่ 36 ของการตั้งครรภ์
- งานวิจัย – เพื่อลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดโดยธรรมชาติสำหรับผู้หญิงที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ยาสอดช่องคลอด100 มก. ต่อวัน ในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ 24 และ 34 ของการตั้งครรภ์
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการชัก (Seizures) :
โรคลมชักที่สัมพันธ์กับรอบประจำเดือน (Catamenial epilepsy) ภาวะชักเฉพาะที่และมีการรู้สึกตัวไม่ดี (complex partial seizures) หรือภาวะชักเฉพาะที่แล้วชักกระจายไปทั่วทั้งตัวตามมาและหมดสติ (secondary generalized motor seizures)
- ยาอม 200 มก. วันละ 3 ครั้ง ให้ยาโดยมีความเกี่ยวข้องกับรูปแบบของการกำเริบของอาการชักในช่วงหลังไข่ตก (luteal phase) ของรอบการมีประจำเดือน
- สำหรับผู้ป่วยระยะก่อนหมดประจำเดือน ให้ยาในวันที่ 23 ถึงวันที่ 25 ของรอบการมีประจำเดือน
- สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการชักกำเริบในช่วงหลังการตกไข่ทั้งหมด จะให้ยาในวันที่ 15-25 ของรอบการมีประจำเดือนแต่ละครั้ง ระดับของเซรั่มโปรเจสเตอโรนที่ต้องการคืออยู่ระหว่าง 5 และ 25 มก./มล. 4 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาอม ผู้ป่วยควรใช้ยาต้านชัก (antiseizure) ที่ได้ผลดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการของระยะก่อนหมดประจำเดือน (Perimenopausal Symptoms)
ภาวะขาดโปรเจสเตอโรนที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือนและระยะก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
- ครีมยาโปรเจสเตอโรนเฉพาะที่ 1.7% : ทายา 1/4 ถึง 1/2 ช้อนโต๊ะ ลงบนฝ่ามือ ฝ่าเท้าหรือบริเวณผิวที่อ่อนนุ่มอื่นๆ วันละ 1 หรือ 2 ครั้ง
ขนาดยาโปรเจสเตอโรนสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี)
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาแคปซูล 100 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]