เซ็กซ์ขณะตั้งครรภ์ หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ฝ่ายหญิงตั้งท้อง ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ทารกในครรภ์แต่อย่างใด เนื่องจากร่างกายของหญิงตั้งครรภ์มีระบบในการปกปกป้องทารกที่อยู่ในครรภ์ เพียงแต่อาจจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังและศึกษาถึงท่าทางที่เหมาะสมขณะมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างตั้งครรภ์แต่ละไตรมาส
[embed-health-tool-due-date]
การมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ ปลอดภัยแค่ไหน
ในช่วงขณะตั้งท้อง คู่รักหลายคู่มักจะมีความกังวลใจ และไม่กล้าที่จะมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์นั้นปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และจะส่งผลอย่างไรต่อตัวแม่เด็กและทารกที่อยู่ในครรภ์หรือไม่ บางคนถึงกลับมีความเชื่อที่ว่า การมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์อาจทำให้แท้งบุตรได้
ในความจริงแล้ว เซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย หรือทำให้แท้งบุตรได้ อย่างที่หลายคนเชื่อกัน เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงจะมีระบบในการปกป้องทารกที่อยู่ในครรภ์เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องตรวจสอบว่าหญิงตั้งครรภ์ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ โรค หรือข้อควรระวังต่าง ๆ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ปวดหลัง หรือการใช้ท่าร่วมรักแปลก ๆ หรือท่าร่วมรักที่รุนแรงมากจนเกินไปซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อครรภ์ได้ หากหญิงตั้งครรภ์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตามปกติ การมีเซ็กส์ระหว่างตั้งครรภ์โดยการสอดใส่นั้นไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายใด ๆ ที่น่าเป็นกังวล
ในทางกลับกัน นอกจากการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแล้ว ยังอาจให้ประโยชน์ได้อีกด้วย ผู้หญิงที่ถึงจุดสุดยอดในช่วงขณะที่ตั้งครรภ์ จะทำให้เลือดสูบฉีด การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น รู้สึกอารมณ์ดี และมีฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกสงบเพิ่มขึ้น อารมณ์และความรู้สึกของหญิงตั้งครรภ์สามารถถ่ายทอดไปยังทารกที่อยู่ในครรภ์ ทำให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อีกด้วย
5 ท่าร่วมรักปลอดภัยสำหรับการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์
ท่าที่ 1 ท่าร่วมรักจากด้านหลัง
ท่าร่วมรักจากด้านหลัง หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันในชื่อของ ท่า doggy style เป็นท่าร่วมเพศที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก แม้จะไม่ใช่การมี เซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ การร่วมรักด้วยท่าทางนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักของครรภ์ลงมากดทับตัวฝ่ายหญิง ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด โดยอาจใช้หมอนหรือผ้าห่มมารองในบริเวณหน้าท้องอีกที เพื่อช่วยให้หญิงตั้งครรภ์รู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น
ท่านี้เหมาะสำหรับการตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้าย ขนาดหน้าท้องอาจจะใหญ่และมีน้ำหนักมากเกินไป จนทำให้รู้สึกหนักและไม่สบายตัวได้
ท่าที่ 2 ท่าผู้หญิงขึ้นคร่อมด้านบน
ท่านี้เป็นท่าที่ให้ฝ่ายหญิงขึ้นคร่อมคู่รัก นอกจากจะช่วยให้ตัวหญิงตั้งครรภ์ได้เป็นผู้กำหนดจังหวะ ความเร็ว และความลึกของการสอดใส่ ทำให้สามารถถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันน้ำหนักตัวของอีกฝ่ายลงมากดทับกับครรภ์ฝ่ายหญิงอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ท่าร่วมรักนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะช่วงเวลานั้น ควรหลีกเลี่ยงการสอดใส่ที่ลึกจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ปากมดลูก หรือมีเลือดออกภายในได้
ท่าที่ 3 ท่ายืนมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์
ท่ามีเซ็กส์ขณะยืนนั้นเป็นอีกหนึ่งท่าที่เหมาะสมสำหรับ เซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ เพราะช่วยลดแรงกดทับที่หลังและครรภ์ได้ ทำให้เคลื่อนไหวสะดวก คล่องตัว และรู้สึกสบายตัวมากกว่าท่าอื่น
การมีเซ็กส์ในท่ายืนนั้นยังช่วยป้องกันการสอดใส่ที่ลึกเกินไป ทำให้ระคายเคืองต่อมดลูก โดยในช่วงระหว่างการร่วมรัก อาจให้ฝ่ายชายโอบกอดฝ่ายหญิงไว้ที่บริเวณเอว ต่ำกว่าหน้าท้อง เพื่อช่วยรักษาสมดุลของการยืน และช่วยรองรับน้ำหนักของครรภ์
ท่าที่ 4 ท่านอนตะแคงโอบกอดจากด้านหลัง
ท่านี้ทำได้โดยการให้ให้ฝ่ายชายโอบกอดฝ่ายหญิงจากด้านหลัง แล้วสอดใส่เข้าไปในขณะที่นอนตะแคง ท่านี้จะสามารถหลีกเลี่ยงการกดรัดบริเวณครรภ์ โดยให้เตียงรองรับน้ำหนักของครรภ์ เหมาะสำหรับการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ในทุกไตรมาส
ท่าที่ 5 ออรัลเซ็กส์
การมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ไม่ได้หมารยถึงการสอดใส่อวัยวะเพศเท่านั้น การทำออรัลเซ็กส์ถือว่าปลอดภัยสำหรับการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์มากที่สุด เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการกดทับครรภ์จนอาจหมดอารมณ์ทางเพศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายที่ครรภ์อาจมีขนาดใหญ่มากจนเคลื่อนไหวลำบาก
แต่อย่างไรก็ตาม การทำออรัลเซ็กส์ให้อีกฝ่าย อาจกระตุ้นและทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนได้ เพราะหญิงตั้งครรภ์อาจจะมีอาการคลื่นไส้ได้ง่ายกว่าปกติเนื่องจากอาการแพ้ท้อง
ข้อควรคำนึงเมื่อมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์
แม้ว่าการมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และคู่รักสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติตั้งแต่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์สัปดาห์แรก ๆ ไปจนถึงช่วงก่อนคลอด แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงไว้เสมอว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพราะพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ต เช่น การเกิดโรคแต่กำเนิด หรือการแท้งบุตรได้
นอกจากนี้ ยังควรระมัดระวังท่าร่วมรักที่อาจจะมีความรุนแรงมากเกินไป อาจพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กดทับน้ำหนักตัวลงไปบนครรภ์ และพยายามอย่ารัดครรภ์จนทำให้อึดอัดมากเกินไป หรือใช้ท่าทางที่อาจไปลดการไหลเวียนของเลือด
เมื่อมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ โดยระหว่างหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หญิงตั้งครรภ์อาจจำเป็นต้องสังเกตร่างกายในเบื้องต้น ดังต่อไปนี้
- อาการปวดท้อง
- เลือดออกจากช่องคลอด
- รู้สึกหายใจลำบาก
- ปัญหาทางด้านร่างกายอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก
หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรู้สึกถึงความผิดปกติ ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายเพราะอาจเป็นสัญญาณการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่อันตรายทั้งต่อตัวแม่และตัวเด็กได้