พัฒนาการทารกในครรภ์ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิฝังตัวในผนังมดลูก พัฒนาการเป็นตัวอ่อนและทารกในครรภ์ โดยการตั้งครรภ์มีระยะเวลาประมาณ 9 เดือน แบ่งออกเป็น 3 ไตรมาสแต่ละไตรมาสแบ่งออกเป็น 3 เดือน ซึ่งระยะเวลาการตั้งครรภ์มักอยู่ระหว่าง 38-42 สัปดาห์
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]
พัฒนาการทารกในครรภ์ แต่ละไตรมาส
การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการทารกในครรภ์แต่ละไตรมาส มีดังนี้
ไตรมาสแรก คือ ระยะเวลาตั้งแต่การปฏิสนธิจนถึง 12 สัปดาห์ หรือช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
เดือนที่ 1
- การปฏิสนธิ เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2-4 นับจากวันแรกของรอบเดือนรอบสุดท้าย โดยไข่จะทำการผสมกับอสุจิและสร้างเป็นตัวอ่อน ค่อย ๆ เคลื่อนไปตามท่อนำไข่ เพื่อสร้างเอนทิตี (Entity) หรือไซโกต (Zygote) ที่ประกอบด้วยโครโมโซม 46 แท่ง โดยรับมาจากแม่และพ่ออย่างละ 23 แท่ง ซึ่งช่วยกำหนดเพศและลักษณะทางกายภาพของทารก จากนั้นไซโกตจะเคลื่อนตัวจากท่อนำไข่ไปยังมดลูกพร้อมกับแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนหรือที่เรียกว่าโมรูลา (Morula) เมื่อเซลล์แบ่งตัวแล้วจะเข้าไปฝังในเยื่อบุโพรงมดลูก โดยจะเจริญไปเป็นตัวอ่อนเอ็มบริโอ (Embryo) เรียกว่ากระบวนการฝังตัวอ่อน
- รกที่มีหน้าที่ในการลำเลียงสารอาหารจากแม่สู่ทารกในครรภ์ กำลังพัฒนาขึ้น
เดือนที่ 2
- เนื้อเยื่อหัวใจเริ่มพัฒนา
- ลักษณะภายนอก เช่น แขน ขา นิ้วมือ นิ้วเท้า จมูก หู ใบหน้า กำลังพัฒนา
- เนื้อเยื่อชั้นใน เช่น ปอด ลำไส้ กระเพาะอาหาร เริ่มพัฒนาขึ้น
- ระบบประสาทเริ่มพัฒนา เช่น สมอง กระดูกสันหลัง รวมถึงเนื้อเยื่อประสาทอื่น ๆ ของระบบประสาทส่วนกลาง
เดือนที่ 3
- ศีรษะส่วนบนมีขนาดใหญ่ขึ้น
- อวัยวะบนหน้าของทารกเกือบจะสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า จมูก หู ริมฝีปากบนเป็นรูปร่างมากขึ้น รวมถึงแขน ขา นิ้วมือ นิ้วเท้า แต่ดวงตายังคงปิดอยู่
- ทารกเริ่มสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบางส่วน เช่น กำมือ ขยับแขนขา
- เริ่มเห็นพัฒนาการของอวัยวะเพศ แต่ยังไม่มากพอที่จะบอกเพศของทารกในครรภ์
- เริ่มมีการสร้างเซลล์เม็ดแดงในตับ
- ทารกในครรภ์อาจมีความยาวประมาณ 2 ½ นิ้ว น้ำหนักประมาณ 14 กรัม
หากผ่านช่วงไตรมาสแรก ความเสี่ยงในการแท้งบุตรอาจลดลง
ไตรมาสที่ 2 อาการแพ้ท้องและอาการของการตั้งครรภ์ในระยะแรกเริ่มลดลง
เดือนที่ 4
- ลำคอ แขน ขาของทารกพัฒนาสมบูรณ์มากขึ้น
- ดวงตาอาจเริ่มสามารถขยับได้เล็กน้อย
- ขนและเส้นผมเริ่มงอก
- ทารกเริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น เริ่มดูดนิ้วมือได้ แต่อาจยังไม่เพียงพอที่คุณแม่รับรู้ได้
- เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อและกระดูกยังคงก่อตัว ทำให้โครงกระดูกสมบูรณ์และแข็งแรง
- อวัยวะเพศของทารกเริ่มชัดเจนขึ้น อาจสามารถรับรู้ได้เมื่ออัลตราซาวด์
- ร่างกายของทารกเริ่มมีการผลิตและขับปัสสาวะ
- ทารกในครรภ์มีความยาวประมาณ 6 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 110 กรัม
เดือนที่ 5
- ทารกเริ่มพลิกตัวไปมาในน้ำคร่ำ
- หัวใจเริ่มสูบฉีดเลือด
- เริ่มมีเล็บเท้าขึ้น
- เริ่มมีการสร้างไขมันสีขาวขุ่นที่เรียกว่าไขทารก ห่อหุ้มภายนอกเพื่อปกป้องผิวหนังของทารก
- ระบบย่อยอาหารเริ่มทำงาน
- ทารกอาจเริ่มได้ยินเสียงจากภายนอก ซึ่งคุณแม่และคุณพ่ออาจสามารถพูดหรือคุยเล่นกับทารกในครรภ์ได้
- ทารกในครรภ์มีความยาวประมาณ 6 ⅓ นิ้ว น้ำหนักประมาณ 320 กรัม
ส่วนมากคุณหมอจะแนะนำให้อัลตราซาวด์ในช่วงครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบรก และพัฒนาการต่าง ๆ ของโครงสร้างทารกในครรภ์ รวมถึงการเต้นของหัวใจและการเคลื่อนไหวของร่างกาย
เดือนที่ 6
- เคลื่อนไหวดวงตาได้เร็วขึ้น
- เริ่มมีการสร้างเซลล์เม็ดเลือด ส่งผลให้ผิวหนังมีรอยย่นและแดง
- ปอด ระบบทางเดินอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันเริ่มพัฒนา
- มีเส้นผมและคิ้วขึ้นมาชัดเจน
- เริ่มเห็นรอยบนฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งจะพัฒนากลายเป็นลายนิ้วมือ ลายมือ และลายเท้า
- สำหรับทารกเพศชาย อัณฑะอาจเริ่มมีการพัฒนาขึ้นในช่วงนี้
- คุณแม่อาจเริ่มรู้สึกถึงแรงดิ้นของทารกในครรภ์
- ทารกในครรภ์มีความยาวประมาณ 8 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 630 กรัม
ไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์
เดือนที่ 7
- ทารกในครรภ์สามารถตอบสนองต่อเสียงได้ โดยการเคลื่อนไหวร่างกาย และปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินได้
- ทารกเริ่มลืมตาและมองเห็น
- เริ่มควบคุมจังหวะการหายใจและอุณหภูมิของร่างกายได้
- ผิวดูเรียบเนียนขึ้นเมื่อมีไขมันมากขึ้น
- ปอดของทารกจะเริ่มผลิตสารลดแรงตึงผิวในปอด ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ถุงลมภายในปอดขยายตัว และป้องกันถุงลมยุบตัวมากเกินไป
- ระบบประสาทของทารกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ทารกในครรภ์มีความยาวประมาณ 9-10 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 820-1,000 กรัม
เดือนที่ 8
- เริ่มมีการสร้างเม็ดเลือดแดงภายในไขกระดูก
- รูม่านตาของทารกสามารถเปลี่ยนขนาด เพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดจากแสง
- ระบบกล้ามเนื้อพัฒนามากขึ้น ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ประสานงานกันได้ดีขึ้น
- อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายเริ่มพัฒนาอย่างสมบูรณ์
- เริ่มหันศีรษะไปยังปากทางมดลูก หากทารกยังไม่กลับหัว คุณหมออาจให้คำแนะนำถึงสิ่งที่ควรทำ และแนวทางในการรับมือ
- ทารกในครรภ์อาจมีความยาวประมาณ 12 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 2,100 กรัม
เดือนที่ 9
- เล็บของทารกจะยาวขึ้นจนถึงปลายนิ้ว
- เห็นหน้าอกของทารก
- ต่อมหมวกไตจะสร้างฮอร์โมนเร่งความสมบูรณ์ของปอด เพื่อเตรียมการหายใจครั้งแรกหลังคลอด รวมถึงอวัยวะและระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายพัฒนาอย่างสมบูรณ์
- ทารกในครรภ์อาจดิ้นน้อยลงแต่ไม่มากนัก
- ทารกอาจจะเคลื่อนอยู่ในตำแหน่งพร้อมคลอด
- ทารกในครรภ์มีความยาวประมาณ 14 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 3,400 กรัม
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการทารกในครรภ์อาจมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจครรภ์กับคุณหมอเป็นประจำ เพื่อคอยสังเกตดูพัฒนาการของทารกและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์สังเกตมีอาการที่ผิดปกติ ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างเหมาะสม