โลหิตจางจากการขาดโฟเลต (Folate Deficiency Anemia) คือการขาดกรดโฟลิคในเลือด ที่ช่วยร่างกายในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เมื่อมีปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ คุณก็จะเป็นโรคโลหิตจาง
คำจำกัดความ
โลหิตจางจากการขาดโฟเลต คืออะไร
โลหิตจางจากการขาดโฟเลต (Folate Deficiency Anemia) คือการขาดกรดโฟลิคในเลือด กรดโฟลิคเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ที่ช่วยร่างกายในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง หากคุณมีปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ คุณก็จะเป็นโรคโลหิตจาง
เซลล์เม็ดเลือดแดงจะลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกาย หากคุณมีภาวะโลหิตจาง เลือดจะลำเลียงออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ได้ไม่เพียงพอ และเมื่อออกซิเจนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ระดับของกรดโฟลิคที่ต่ำยังสามารถทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงโตผิดปกติ (megaloblastic anemia) ซึ่งเป็นสภาวะที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีจำนวนน้อยกว่า และยังเป็นรูปทรงรีไม่ใช่วงกลม ในบางครั้งเซลล์เม็ดเลือดแดงเหล่านี้ยังมีชีวิตสั้นกว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงตามปกติ
คนส่วนใหญ่จะได้รับกรดโฟลิคจางอย่างเพียงพอจากอาหารที่รับประทาน แต่บางคนอาจจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีปัญหากับการดูดซึมสารอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ว่า คุณควรจะรับประทานวิตามินเสริมที่มีกรดโฟลิคหรือไม่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับกรดโฟลิคที่เพียงพอ อาจทำให้ทารกเกิดความบกพร่องแต่กำเนิดอย่างรุนแรง
โลหิตจางจากการขาดโฟเลต พบได้บ่อยได้แค่ไหน
โลหิตจางจากการขาดโฟเลตสามารถส่งผลกระทบได้กับคนทุกช่วงวัย สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษากับแพทย์
อาการ
อาการของโลหิตจางจากการขาดโฟเลตเป็นอย่างไร
อาการของภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลตมีดังต่อไปนี้
- ผิวซีด
- รู้สึกหงุดหงิด
- ขาดพลังงานหรือเหนื่อยได้ง่าย
- ท้องร่วง
- ลิ้นเรียบและนุ่ม
- รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
- หลงๆ ลืมๆ
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลด
- มีปัญหากับการรวบรวมสมาธิ
อาการโลหิตจางจากการขาดโฟเลตอาจดูเหมือนกับสภาวะเกี่ยวกับเลือด หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ควรไปหาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคทุกครั้ง
อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษากับแพทย์
ควรไปพบหมอเมื่อไร
ถ้าคุณมีอาการใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษากับคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดจึงควรพูดคุยกับหมอ เพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
สาเหตุ
สาเหตุ โลหิตจางจากการขาดโฟเลต
คุณสามารถเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต ในกรณีดังนี้
- คุณรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิคไม่เพียงพอ ได้แก่ผักใบเขียว ผลไม้สด ยีสต์ และเนื้อสัตว์ (รวมถึงตับ)
- ร่างกายของคุณดูดซีมกรดโฟลิคได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากคุณดื่มสุรามากเกินไป หรือมีปัญหาที่ไตอย่างรุนแรง และต้องการฟอกไต
- คุณเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง เช่น โรคเซลิแอค (celiac disease) ภาวะโลหิตจางชนิดนี้ยังสามารถเกิดได้กับผู้ที่เป็นมะเร็งอีกด้วย
- คุณกำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสำหรับอาการชักอย่างยาเฟนิโทอิน (phenytoin) อย่างดิแลนทิน (dilantin) ยาเมโธเทรกเซท (methotrexate) ยาซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine) ยาไตรแอมเทอรีน (triamterene) ยาไพริเมทามีน (pyrimethamine) ยาไตรเมโทพริม-ซัลฟาเมทอกซาโซน (trimethoprim-sulfamethoxazole) และยาในกลุ่มบาร์บิทูเรต (barbiturates)
- คุณกำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากในการพัฒนาการของเด็กทารกนั้นจำเป็นต้องใช้กรดโฟลิคมากขึ้น และมารดาจะดูดซึมกรดโฟลิคได้ช้าลง การขาดกรดโฟลิคระหว่างตั้งครรภ์ มีความเกี่ยวข้องกับอาการบกพร่องแต่กำเนิดที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมอง ไขสันหลัง และกระดูกสันหลัง อย่างภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects)
ทารกบางคนเกิดมาโดยไม่มีความสามารถในการดูดซึมกรดโฟลิค ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงโตผิดปกติ ที่มีเซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ และรูปร่างผิดปกติ การรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันปัญหา เช่น ความสามารถในการใช้เหตุผลและการเรียนรู้ต่ำ
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลตมีมากมาย เช่น
- การไม่รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- การดื่มสุรามากเกินไป
- กำลังตั้งครรภ์
- ไม่สามารถดูดซึมกรดโฟลิคได้
- กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาที่ใช้เพื่อควบคุมอาการชัก
การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยภาวะ โลหิตจางจากการขาดโฟเลต
แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและซักประวัติของคุณ และสอบถามความรู้สึกของคุณ นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดง และดูว่าร่างกายของคุณมีกรดโฟลิคเพียงพอหรือไม่ การทดสอบอาจมีดังต่อไปนี้
- การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ตรววจสอบระดับของโฟเลตในเซลล์เม็ดเลือดแดง
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบปริมาณของวิตามินบี 12 อีกด้วย บางคนมีที่ระดับของกรดโฟลิคน้อยเกินไป อาจจะมีระดับของวิตามินบี 12 น้อยด้วยเช่นกัน สภาวะทั้งสองนี้มีอาการที่คล้ายกัน
นอกจากนี้อาจต้องมีการตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยแบเรียม เพื่อดูว่าปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารนั้น เป็นสาเหตุหรือไม่ ที่ไม่ค่อยพบบ่อยก็คืออาจต้องมีการตรวจไขกระดูกอีกด้วย (bone marrow examination)
การรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
เป้าหมายคือการระบุและรักษาสาเหตุของอาการขาดโฟเลต แพทย์จะทำการเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุด โดยขึ้นอยู่กับ
- อายุ สุขภาพโดยรวม และประวัติทางการแพทย์
- ระดับของอาการป่วยที่คุณเป็น
- ความสามารถในการรับมือกับยาบางชนิด การรักษา หรือการบำบัด
- ระยะเวลาที่คาดการณ์ว่าคุณจะเป็นโรคนี้
- ความคิดเห็นหรือความชอบของคุณ
การรักษาอาจมีดังนี้
- รับประทานอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ
- เปลี่ยนอาหารที่รับประทาน
- การใช้ยา
- รักษาที่สาเหตุของโรค
คุณอาจจำเป็นต้องรับกรดโฟลิคเสริมเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือน อาจเป็นแบบยาเม็ดหรือยาฉีด ควรรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงและลดการดื่มสุรา นอกจากนี้ปัญหาที่ระบบทางเดินอาหารยังสามารถทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ ดังนั้น แพทย์อาจจะรักษาที่อาการนี้ก่อน
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองที่จะช่วยจัดการภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
รับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงเพื่อที่จะได้ไม่เกิดภาวะโลหิตจางอีกครั้ง อาหารเหล่านี้คือขนมปังและซีเรียลเสริมอาหาร ผลไม้ตระกูลส้ม และผักใบเขียวเข้ม
หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้นถึงทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ