backup og meta

เด็กไอ อาการที่พ่อแม่ควรระวัง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 29/07/2022

    เด็กไอ อาการที่พ่อแม่ควรระวัง

    เด็กไอ เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่อาจพบเจอได้ แต่ก็ควรระวัง เพราะบางครั้งการที่เด็กไออาจส่งสัญญาณบ่งชี้บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายของเด็กได้ หากเด็กไอเป็นเวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย

    เด็กไอ เกิดจากอะไร

    เด็กไอมักเป็นสัญญาณว่าร่างกายพยายามกำจัดความระคายเคืองจากเสมหะ หรือสิ่งแปลกปลอม เนื่องจากหากไม่กำจัดออกอาจสร้างความรำคาญ และอาจทำให้หายใจไม่สะดวก ซึ่งสาเหตุทั่วไปของอาการไอ เช่น

  • โรคภูมิแพ้ และไซนัสอักเสบ สิ่งที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น อาหาร ละอองเกสร ฝุ่นละออง อาจเป็นสาเหตุของอาการไอเรื้อรัง และยังทำให้ระคายเคือง มีน้ำมูก เสมหะ เจ็บคอ รวมถึงอาจมีผื่นขึ้นตามตัว
  • โรคหอบหืด เกิดจากมีสิ่งกระตุ้นต่อภาวะหลอดลมไว ทำให้เด็กมีหลอดลมตีบเล็กลง อาการอาจแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ส่วนมากมักไอแบบมีเสียงหวีด ซึ่งอาการมักจะแย่ลงในเวลากลางคืน หรือมักไอขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องเคลื่อนไหว เช่น ออกกำลังกาย
  • โรคกรดไหลย้อน อาจทำให้มีอาการไอ อาเจียนบ่อย รู้สึกขมในปาก และปวดแสบร้อนภายในอก
  • การติดเชื้อต่าง ๆ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้เด็กมีอาการไอเรื้อรัง หากเป็นหวัดอาจมีอาการไอเล็กน้อยถึงไอปานกลาง ซึ่งเป็นอาการไอที่ไม่รุนแรงมาก แต่หากเป็นไข้หวัดใหญ่ อาจไอแบบแห้ง หรือมีเสมหะ ร่วมกับมีไข้สูง
  • สาเหตุอื่นที่อาจทำให้เด็กไอ คือ การสูดดมสารระคายเคือง หรือมีสิ่งแปลกปลอม เช่น อาหาร ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ มลพิษจากบุหรี่ หรือควัน

    ลักษณะอาการเด็กไอ

    หากคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงอาการเด็กไอแต่ละแบบ อาจช่วยให้ดูแลลูกเบื้องต้นได้ ซึ่งลักษณะอาการเด็กไออาจมีดังต่อไปนี้

    • ไอแบบแห้ง เกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนบวม ส่วนใหญ่มาจากโรคครูป(Croup) โรคที่เกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ รวมถึงภาวะกล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคครูปสูง หากมีทางเดินหายใจที่แคบมาก
    • ไอกรน เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียบอร์เดเทลลา เพอร์ทัสซิส (Bordetella Pertussis) ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจและเกิดอาการไอ เด็กที่มีอาการไอกรนจะไอติด ๆ กันจนเด็กอาจหายใจไม่ทันถึงหยุดไอ และเวลาหายใจเข้าลึก ๆ จะมีเสียงวู๊ป (Whooping Cough) ซึ่งโรคไอกรนสามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนในเด็ก
    • ไอเรื้อรัง อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือโพรงจมูก รวมถึงอาจเกิดจากโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรืออาจมีสาเหตุมากกว่าหนึ่งอย่าง หากลูกมีอาการไอเรื้อรังนานกว่า 3 สัปดาห์ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาไปพบคุณหมอ
    • ไอขณะเป็นไข้ หากเด็กไอ มีน้ำมูก และมีไข้เล็กน้อย อาจเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ถ้าเด็กหายใจเร็ว รู้สึกกระสับกระส่ายและมีไข้สูงกว่า 39 องศา อาจเป็นโรคปอดอักเสบติดเชื้อ ควรรีบพาลูกน้อยไปพบคุณหมอ
    • ไอจนอาเจียน หากไอหนัก ๆ อาจไปกระตุ้นประสาทรับความรู้สึกบริเวณโคนลิ้น และคอหอย ทำให้เกิดการอาเจียนได้  นอกจากนี้ โรคหอบหืดอาจทำให้อาเจียนได้ หากน้ำมูก หรือเสมหะไหลลงเข้าช่องท้องในปริมาณมากก็อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ซึ่งเป็นปฏิกริยาที่อาจไม่ส่งผลอันตราย ยกเว้นลูกน้อยอาเจียนไม่หยุด
    • ไอตอนกลางวัน อาการไอที่อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหวัด หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น อากาศเย็น ฝนตก หรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดอาการไอ ซึ่งอาการมักจะหายไปในช่วงตอนกลางคืน หรือเวลาพักผ่อน
    • ไอตอนกลางคืน เด็กไออาจมีอาการแย่ลงในช่วงเวลากลางคืน และอาจเป็นหนักขึ้นหากเป็นหวัดด้วย เนื่องจากน้ำมูก และเสมหะอาจไปขัดขวางระบบทางเดินหายใจ ทำให้น้ำมูก หรือเสมหะไหลลงคอ จนเกิดอาการไอขณะหลับ นอกจากนั้น โรคหอบหืดก็อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการไอตอนกลางคืน เพราะระบบทางเดินหายใจอาจไวต่อความรู้สึกมากกว่าเดิมในตอนกลางคืน เกิดภาวะหลอดลมตีบ หายใจไม่สะดวกจนไอ

    วิธีบรรเทาอาการเด็กไอ 

    วิธีบรรเทาอาการเด็กไอ อาจสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • ยาแก้ไอ อาจช่วยละลายเสมหะ บรรเทาอาการระคายคอได้ แต่คุณพ่อ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอ หรือเภสัชกร ในการเลือกซื้อยาแก้ไอให้เด็ก
  • น้ำผึ้ง เนื่องจากน้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบ แต่ไม่ควรใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี
  • หลีกเลี่ยงการวางตุ๊กตาไว้ใกล้เด็ก เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น รวมถึงควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมปรับอากาศ และสัตว์เลี้ยงที่อาจเป็นปัจจัยให้เด็กไอได้
  • การจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ลำคอมีความชุ่มชื้น ลดอาการระคายคอได้ อีกทั้งลดความเสี่ยงภาวะการขาดน้ำในช่วงมีไข้สูงด้วย
  • ใช้เครื่องทำความชื้น เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศทั้งตอนกลางวัน และเวลานอน รวมถึงหลีกเลี่ยงการนอนในห้องที่อากาศเย็นเกินไป อากาศในห้องนอนควรถ่ายเทได้สะดวก เพราะหากภายในห้องมีกลิ่นอับ ก็อาจทำให้เด็กไอได้เช่นกัน
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ

    พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


    เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 29/07/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา