backup og meta

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 43 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 43 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 43 ช่วงนี้ลูกน้อยอาจสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น เช่น การยืน การเดิน การแต่งตัว โดยมีผู้ปกครองคอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ อีกทั้งอาจมีความซุกซน ชอบกัดชอบจับสิ่งของต่าง ๆ ตามประสาเด็ก ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยสังเกตอาการผิดปกติ เนื่องจากเด็กอาจเจ็บป่วยจากเชื้อโรคต่าง ๆ รอบตัวได้

[embed-health-tool-vaccination-tool]

การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 43

ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร

ลูกน้อยอาจเริ่มมีการพัฒนาในเรื่องของการช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น แต่ยังคงต้องการให้คุณพ่อคุณแม่คอยช่วยเขาอยู่ข้าง  ๆ เช่น การเดินในขณะที่จูงมือเขาไปด้วย หรือมีการยื่นแขน และขาเพื่อช่วยให้แต่งตัวให้เขาได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน หากลูกรักมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก็อาจทำให้พวกเขานั้นเริ่มหยิบจับแก้วน้ำ ช้อน ตักอาหารด้วยตัวเองได้ แต่ก็คงยังมีการเคลื่อนไหวไม่แข็งมากซึ่งอาจใช้เวลาสักระยะพร้อมกับการฝึกฝนจึงจะสามารถทำให้พวกเขานั้นทานอาหารเองได้อย่างคล่องขึ้น โดยส่วนมากพวกเขามักจะเผยพฤติกรรมต่อไปนี้ ที่อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ถึงกับตื้นตันใจ ร่วมด้วย

  • ยืนด้วยตัวเองได้ชั่วขณะ
  • พูดคำว่า  “มาม๊า” อย่างรู้ความหมาย
  • ชี้ไปที่บางสิ่งเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร

ทารกจะตั้งใจ ทิ้งสิ่งของเพื่อให้ใครบางคน ซึ่งก็อาจจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่ เก็บมันขึ้นมา หากรู้สึกเหนื่อย กับเกมส์ทิ้งสิ่งของ ก็อาจจำเป็นต้องนำสิ่งของออกไปห่าง  ๆ ซัก 2-3 นาที แล้วหาอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจจากลูกน้อยแทน อย่างการเล่นกับลูกรักโดยไม่ใช้อุปกรณ์ เช่น การเล่นจ๊ะเอ๋ ปูไต่ เป็นต้น

สุขภาพและความปลอดภัย

ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร

คุณหมอส่วนใหญ่จะไม่นัดตรวจสุขภาพสำหรับเด็กในวัยนี้ หากมีข้อกังวลใด  ๆ หรืออาการบางอย่างที่เป็นอันตราย ผู้ปกครองทุกคนจึงควรโทรปรึกษา หรือเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอในโรงพยาบาลใกล้แหล่งที่อยู่อาศัยในทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนัดครั้งต่อไป

สิ่งที่ควรรู้

ในช่วงนี้ทารกอาจป่วยจากอาการไข้หวัด หรือมีไข้ ซึ่งควรเรียนรู้เกี่ยวกับยาปฎิชีวนะ หรือการบรรเทาอาการเบื้องต้นเอาไว้

ควรรู้อะไรเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ

พึงระวังในเรื่องการให้ลูกน้อยทานยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะอาจช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นตัวการของของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจต่าง  ๆ ได้

ควรให้กินยาปฎิชีวนะเมื่อไร

ควรให้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งของคุณหมอเท่านั้น และควรให้ลูกน้อยกินยาจนหมด เนื่องจากการหยุดทานยาก่อนอาจไม่ช่วยให้อาการป่วยหายขาด อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น  ๆ ที่รุนแรงขึ้นได้

ให้ยาปฏิชีวนะอย่างไร

หากลูกน้อยอาเจียนหลังได้รับยาปฏิชีวนะ และมียาที่กินเข้าไปเกือบทั้งหมดออกมาด้วย ก็สามารถให้ลูกน้อยกินยาเข้าไปใหม่ได้ แต่ในกรณที่เกิดการอาเจียนหลังจากทานยาเข้าไปหนึ่งชั่วโมง อาจไม่จำเป็นต้องทำการให้ยาซ้ำ เพราะเป็นช่วงระยะเวลาที่ร่างกายได้ดูดซึมยาเข้าไปหมดแล้ว มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงของการกินยาเกินขนาดได้

ยาบางชนิดสามารถนำมาผสมกับอาหารได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ลซอส เพื่อช่วยทำให้ยามีรสชาติดีขึ้นได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือใช้หลอดหยดยา หรือหลอดฉีดยา ในการส่งยาเข้าไปที่ลำคอของลูกน้อย เพราะวิธีนี้น่าจะได้ผลกว่าการใช้ช้อนป้อนโดยตรง

สิ่งที่ต้องเป็นกังวลใน พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 43

การขบฟัน

ก็เหมือนกับการโขกศีรษะ การกลิ้งตัว การดึงผม หรือการดูดนิ้วมือนั่นแหละ เพราะเด็กบางคนนั้นมักชอบขบฟัน เพื่อปลดปล่อยความเครียด แต่การขบฟันที่บ่อยจนเกินไปก็อาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการของฟันน้ำนม และฟันแท้ ดังนั้นผู้ปกครองทุกคน ควรหมั่นให้ความรัก และความเอาใจใส่เป็นพิเศษก่อนปล่อยที่พวกเขาจะงีบหลับ เนื่องจากอาจช่วยลดความเครียดรวมไปถึงการขบฟันลงได้

แต่บางกรณีความเครียดก็ไม่ใช่สาเหตุของการขบฟันเสมอไป บางครั้งเด็กก็ค้นพบการกระทำโดยบังเอิญ เมื่อมีฟันซี่ใหม่กำลังขึ้น จากนั้นก็รู้สึกสนุกกับความตื่นเต้น และเสียงของมัน หากพบว่าการขบฟันของเด็กถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะลดลง และรู้สึกเป็นกังวลว่าเขาอาจจะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับฟันได้ ควรปรึกษาคุณหมอ หรือทันตแพย์ร่วมเพื่อขอคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หายไปจะเป็นการดีที่สุดค่ะ

การกัด

เป็นธรรมชาติของเด็กที่จะทดสอบการใช้ฟันกับทุกสิ่งทุกอย่าง จนทำให้การกัดอาจกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีเมื่อมีฟันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งใครที่ตกเป็นเหยื่อถูกลูกกัดเข้าก็อาจส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดได้ ในการกัดครั้งแรกนั้นเป็นการหยั่งเชิง ที่ลูกน้อยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าทำให้ใครเจ็บหรือเปล่า

วิธีตอบโต้การกัดของลูกน้อยที่ดีที่สุดก็คือ ดึงตัวเจ้านักกัดตัวน้อยออกจากรอยกัดอย่างสงบ พร้อมกับพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ทำแบบนี้ไม่ดี ทำคุณแม่เจ็บนะ” แล้วหันเหความสนใจอย่างรวดเร็วด้วยเพลง ของเล่น หรืออะไรอย่างอื่น ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เขากัด แล้วเขาจะรู้ได้เองว่าไม่ควรทำอย่างนั้น

ที่สำคัญอย่ากัดเขากลับ เพราะการกัดตอบจะยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายเข้าไปกันใหญ่ การกระทำแบบนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ดูดุร้ายเท่านั้น แต่เป็นการบอกลูกแบบไม่สุภาพนักว่า นี่คือการกระทำที่ยึกหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน เพราะเรื่องพวกนี้จะทำให้เด็กมีนิสัยใจคอที่เปลี่ยนไปได้ตั้งแต่เยาว์วัยเลยทีเดียว

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Your 10-month-old: Week 4. http://www.babycenter.com/6_your-10-month-old-week-4_1496243.bc. Accessed December 31, 2022.

Baby Development: Your 10-Month-Old. https://www.webmd.com/parenting/baby/baby-development-10-month-old. Accessed December 31, 2022.

Infant and toddler health. https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/infant-and-toddler-health/in-depth/infant-development/art-20047380. Accessed December 31, 2022.

9-10 months: baby development. https://raisingchildren.net.au/babies/development/development-tracker-3-12-months/9-10-months. Accessed December 31, 2022.

Your baby’s growth and development – 10 months old. https://www.pregnancybirthbaby.org.au/babys-growth-and-development-10-months-old. Accessed December 31, 2022.

เวอร์ชันปัจจุบัน

31/12/2022

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

มลพิษทางอากาศ ส่งผลต่อสุขภาพเด็ก ได้อย่างไรบ้าง

ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาการและการรักษา


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 31/12/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา